ปรับใหม่!'ไทยแลนด์ พาวิลเลียน'โฟกัส 'เนื้อหา-โปรดักชั่น-กิจกรรมเสริม'

คณะกรรมการอำนวยการงาน Expo 2025 Osaka Kansai เคาะปรับ“ไทยแลนด์ พาวิลเลียน” รอบแรกใน 3 เรื่องสำคัญ เนื้อหาโฟกัสเรื่องสำคัญมากขึ้น-โปรดักชั่น-กิจกรรมเสริม แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค.2568

ประเทศไทยจัดแสดงอาคารนิทรรศการไทย หรือไทยแลนด์ พาวิลเลียน(Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เม.ย.-13 ต.ค.2568 เพื่อประชาสัมพันธ์ นำเสนอความเป็นไทย แสดงให้เห็นศักยภาพ และความพร้อมของไทย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ Medical and Wellness Hub สู่สายตาประชาคมโลก

ผ่านจุดแข็งความพร้อมของสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานในระดับโลก มีแพทย์และบุคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ มีอัตราค่าบริการการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม คนไทยมีเซอร์วิสมายด์ของการบริการที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน รวมถึงมีความโดดเด่นด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เช่น ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย และการนวดแผนไทย ซึ่งได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เปิด 'ไทยแลนด์ พาวิลเลียน' รมว.สธ.ให้คะแนนงาน 'เกรดเอ'

'ไทยแลนด์พาวิลเลี่ยน' คนไทยทำได้ดีกว่านี้! จากใจเจ้าพ่ออีเวนต์

เข้าชมไทยแลนด์ พาวิลเลียนวันละหมื่น

นับตั้งแต่ช่วงวันแรกมีผู้เข้าชมราว 7,000 คน จนถึงปัจจุบันแตะ 1 หมื่นคนต่อวัน โดยภาพรวมจนถึงวันที่ 29 เม.ย. ราว 1.4 แสนคน จากยอดผู้เข้าชมในเอ็กซ์ไปวันละราว 1 แสนคน ส่วนของไทยคิดเป็นราว 10 % ซึ่งได้รับทั้งคำชื่นชมและข้อแนะนำในการปรับปรุงจากผู้ที่เข้าเยี่ยมชม

โดยเฉพาะภายหลัง "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.สาธารณสุข เป็นประธานเปิดอย่างเป็นทางการและเยี่ยมชมได้มอบนโยบายให้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเรื่องของเทคนิค แสง สี เสียง วิธีการเดินชมให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และการพัฒนาการแพทย์แผนไทยที่เป็นตัวชูโรงของไทยในงานนี้ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นและจัดแสดงได้นานกว่ากำหนดเดิม

ล่าสุดมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการงาน Expo 2025 Osaka Kansai ที่มี “นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นประธาน และนพ.ภาณุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)เป็นเลขานุการ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการนำเสนอนิทรรศการไทย หรือไทยแลนด์ พาวิลเลียนThailand Pavilion ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai สัญญากำหนดให้ปรับปรุงได้

ชวนคนมาสนุก ด้วยเสน่ห์ความเป็นไทย

นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดี สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า การพิจารณาเนื้อหาที่จัดแสดง มีคณะกรรมการจัดนิทรรศการไทยที่มาจากหลายภาคส่วนในภาครัฐเป็นกรรมการและร่วมพิจารณามาแล้ว โดยมีคณะกรรมการ 6 ชุดในการดูแลแต่เรื่อง เช่น การก่อสร้าง ,นิทรรศการ เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการชุดนิทรรศการเคยพิจารณามาแล้ว แต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากส่วนต่างๆและโซเชียลมีเดีย ก็พร้อมและยินดีนำมาปรับให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การจัดนิทรรศการมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งจะมีการติดตามเป็นระยะและสัปดาห์ต่อไปจะปรับแผนอีกครั้ง เพื่อให้ตรงโจทย์ที่ให้ไป มีประสิทธิภาพมากที่สุดและรวดเร็ว

“ในสัญญากำหนดไว้อยู่แล้วว่าผู้รับจ้างจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แม้จะมีการปรับปรุงรอบที่ 1 แล้ว ตลอดระยะเวลาที่มีการจัดแสดงจนถึงเดือนต.ค.2568 ก็สามารถปรับปรุงเพิ่มเติมได้อีก และในแผนของผู้รับจ้างเอง ในหลายๆเรื่องก็มีการปรับเนื้อหาทุกเดือนอยู่แล้ว”นพ.กรกฤชกล่าว

 นพ.กรกฤช กล่าวด้วยว่า หลายส่วนเป็นที่ประทับใจ เช่น ตัวอาคารที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและชาญฉลาดมากในการใช้กระจก รวมถึง โชว์ต่างๆที่เรียกความสนใจให้กับผู้เข้มชมได้อย่างดี เช่น มวยไทย ลิเกฮูลู ทูบีนัมเบอร์วัน เป็นต้น และเจ้าหน้าที่ประจำพาวิลเลียนที่มีส่วนร่วมชวนคนมาสนุกด้วยกันถือเป็นเสน่ห์อย่างไทยที่ทำได้ดี แต่จะทำให้ดียิ่งขึ้นไป เพื่อให้พาวิลเลียนของไทยเป็นที่รู้จักในเรื่องความเป็นมิตรแบบไทยๆและโดดเด่นในงานเอ็กซ์โป

จ่ายเงินรวม 11 งวด 

สำหรับในการจ่ายเงินจำนวน 867.80 ล้านบาทให้ผู้รับจ้างตามสัญญากำหนดไว้ 11 งวด คือ งวดที่ 1 จำนวน 13.017 ล้านบาท 30 ธ.ค.2566 ,งวดที่ 2 จำนวน 13.017 ล้านบาท 29 ม.ค.2567 ,งวดที่ 3 จำนวนราว 41.285 ล้านบาท 25 มิ.ย.2567 ,งวดที่ 4 จำนวนราว 87.367 ล้านบาท 17 ก.ค.2567 ,งวดที่ 5 จำนวนราว 130.170 ล้านบาท 24 ก.ย.2567 งวดที่ 6 จำนวน 121.492 ล้านบาท 14 พ.ย.2567 ,งวดที่ 7 จำนวนราว 113.248 ล้านบาท 28 ก.พ. 2568 ,งวดที่ 8 จำนวนราว 113.820 ล้านบาท 29 พ.ค.2568 ,งวดที่ 9 จำนวน 95.458 ล้านบาท 27 ส.ค.2568 ,งวดที่ 10 จำนวนราว 60.822 ล้านบาท 10 ธ.ค.2568 และงวดที่ 11 จำนวน 78.102 ล้านบาท 28 ก.พ.2569 

ปรับ 3 ส่วนสำคัญ 

ด้านนายวินิจ เลิศรัตนชัย ผู้ให้คำปรึกษาและแก้ไขการนำเสนอเนื้อหาภายในอาคารนิทรรศการไทย(Thailand Pavilion) กล่าวว่า ไทยเลนด์ พาวิลเลียนในเอ็กซ์โป 2025 ที่โอซากาทีมดำเนินการเกือบครบถ้วนแล้วและเพิ่งเปิดทำการให้มีการเข้าชม ซึ่งมีรายละเอียดหลายเรื่องที่จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น สอดประสานกับเนื้อหาเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลได้วางแผนเอาไว้ในการรับรู้ของผู้ชมทั่วโลกที่จะเดินทางมาเข้าชม การแก้ไขปรับปรุงที่จะทำให้งานออกมาดีขึ้น 

ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1.การนำเสนอเนื้อหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของงานนี้ ต้องครอบคลุมชัดเจนเป็นที่จดจำ จากที่ปัจจุบันเนื้อหามีการนำเสนอที่มีความหลากหลายมากเกินไป โดยไม่ได้โฟกัสในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องพิเศษที่ประเทศไทยต้องการนำเสนอจริงๆ ทำให้การจดจำไม่ได้ซึมซับได้ครอบคลุม ถือเป็นหัวใจสำคัญในส่วนงานเนื้อหาหรือซอฟต์แวร์ให้ชัดและเป็นที่ประจักษ์ขึ้น โดยจะโฟกัสในเรื่องของนวัตกรรม องค์ประกอบสมุนไพร, การสื่อสารการคอนเน็คเรื่องนวัตกรรมของการแพทย์สมัยใหม่ และเวลเนส(Wellness)ที่เป็นจุดเด่นของประเทศไทย

2.ภาคผลิต โปรดักชั่น เพิ่มให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นกว่าการนำเสนอในปัจจุบัน ส่วนของวิดีโอการนำเสนอต้องปรับปรุงและการเล่าเรื่อง ต้องทำออกมาให้เข้าใจง่ายและชัดเจนขึ้น จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์สมัยใหม่ที่สามารถนำมาเล่าเรื่องได้เลยจากตอนนี้ที่ไม่ได้ร่วมสมัยมากนัก จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายและเกิดความประทับใจ

และ 3.กิจกรรมเสริมที่จะทำให้เกิดความประทับใจมากขึ้น และจดจำในอัตลักษณ์ของประเทศไทย โดยการแสดงในระหว่างที่ผู้ชมเข้าคิวรอเพื่อเข้าชมภายในไทยแลนด์ พาวิลเลียน บางครั้งอาจใช้เวลาร่วมชั่วโมง จะเป็นการช่วยผ่อนคลายระหว่างรอทำให้เกิดความประทับใจเบื้องต้น

ปรับปรุงรอบ 1 เสร็จภายในพ.ค.

“การปรับปรุงแก้ไขระยะแรกนี้น่าจะใช้เวลาไม่นานราว 2-3 สัปดาห์ ภายในเดือนพ.ค.นี้ต้องแล้วเสร็จ และการจัดแสดงในงานเอ็กซ์โปที่มีระยะเวลานานร่วม 6 เดือนจนถึงต.ค.2568นั้น การแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นสามารถทำได้ตลอดเวลา เพิ่มความเข้มข้อของเนื้อหามากยิ่งขึ้น ”นายวินิจกล่าว

สุขกาย-สบายใจ หมุดหมาย“ไทยแลนด์”

นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไร้ท์แมน จำกัด กล่าวว่า  เมื่อสุขภาพกลายเป็นเป้าหมายหลักของการเดินทางของทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) ของไทยเติบโตด้วยอัตรา28.4% ต่อปี (Global Wellness Institute, 2025)การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)เติบโต 119.5% จากปี 2022 ถึง 2023 เป็นรองแค่ประเทศจีน

“ การปรับปรุง  "ไทยแลนด์ พาวิลเลียน" จะเน้นไปในทิศทางการนำเสนอให้ทั่วโลกมั่นใจว่าไทยคือ“จุดหมายปลายทาง”ที่พร้อมให้บริการทางด้านสุขภาพ การปรับปรุงเนื้อหาจะเน้นธีมการดูแลสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยคือหมุดหมายที่ทั่วโลกต้องเดินทางมาให้ได้รับ “ความสุขกาย-สบายใจ” เพราะมีบริการสุขภาพที่ผสมผสานศาสตร์การแพทย์เชิงป้องกัน  เทคโนโลยีการวินิจฉัยขั้นสูง และการวางแผนสุขภาพรายบุคคลอย่างแม่นยำ พร้อมทั้งมีสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาที่โลกยอมรับ”นายอุปถัมป์ กล่าว

มีการให้บริการดูแลสุขภาพผสมผสานอย่างลงตัวทั้งการนวดไทย และการใช้ “ลูกประคบสมุนไพร” ไม่ใช่แค่บริการผ่อนคลาย แต่สามารถส่งเสริมยกระดับไปสู่การนวด พร้อมกับกายภาพบำบัด ประกอบกับการใช้เครื่องมือเสริมในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อไปจนถึงรักษาเรื่อง Office syndrome เช่น การนวดไทยพร้อมการใช้เครื่อง Ultrasound Shockwave เพื่อประโยชน์สูงสุด และยกระดับการนวดไทยไปสู่ นวดไทย 4.0 ผ่านการรับรองให้เป็น องค์ความรู้ทางการแพทย์ ในระดับโลก

ภาพรวมของ‘ไทยแลนด์ พาวิลเลียน’ คือโอกาสใหม่ของประเทศไทย ที่จะแสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าการมีอายุยืนยาวไม่เจ็บป่วย ทุกภาคส่วนของประเทศสามารถมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม รีสอร์ต และที่พัก (Hospitality Business) สู่ “Wellness Stay” ที่ช่วยยืดอายุชีวิต ร้านนวด / สปา / แพทย์แผนไทย (Thai Massage & Spa)จาก “ผ่อนคลาย” สู่ “การรักษาเชิงป้องกันระดับโลก” 

เชื่อมต่อกับแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อยกระดับการดูแลแบบองค์รวมให้ครบทั้งระบบ ข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น (Musculoskeletal system)แรงบันดาลใจ: ร้านนวดเล็กๆ ที่เชียงใหม่ ร่วมกับหมอแผนไทย เปิดโปรแกรม “นวดฟื้นฟูสมองหลัง Burnout” ได้ลูกค้าต่างชาติแบบ Long Stay ทุกเดือน 

 “ Wellness เป็นตลาดท่องเที่ยวที่กระจายรายได้ไปทุกที่ ทุกส่วนของประเทศไทย และจะเป็นจริงได้แน่นอน ทุกภาคส่วนสามารถรวมพลังให้ ประเทศไทยเป็น คลื่นสุขภาพระดับโลก Wellness Hub Thailand เป็นจริงได้ คือภารกิจของทุกคนจะต้องร่วมมือกัน” นายอุปถัมป์ กล่าว