เพชรบุรี 'บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่' โมเดลขยับต่อไปสู่ประกันสังคม

เพชรบุรี 'บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่' โมเดลขยับต่อไปสู่ประกันสังคม

7 ม.ค.2567 คิกออฟนโยบาย “30 บาท บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่” นำร่องใน 4 จังหวัด  แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรีและนราธิวาส โดย“กรุงเทพธุรกิจ”มีโอกาสลงพื้นที่รพ.พระจอมเกล้า เพชรบุรี พบว่า ที่นี่มีการบริหารจัดการอย่างดี และพร้อมที่จะเป็นโมเดลสู่การขยายไปยังประกันสังคม 

“อยู่อ.บ้านแหลม  มีอาการบ้านหมุน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดหัวเล็กน้อย มาพบแพทย์ที่รพ.พระจอมเกล้า เพราะรับบริการที่นี่มาตลอดตั้งแต่คลอดลูกคนแรก เมื่อมีนโยบายนี้ช่วยให้สะดวกสบายขึ้น เวลาไปรพ.อื่นก็ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว” รุ่งอรุณ(สงวนนามสกุล) วัย 39 ปี ให้สัมภาษณ์ระหว่างมารับบริการที่รพ.พระจอมเกล้า   


          เป็นคำตอบที่สะท้อนได้ในหลายมิติ ทั้งความพึงพอใจอย่างมากของคนไข้ ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่ประชาชนจะไหลเข้ามารับบริการในรพ.ใหญ่ มากกว่ารับบริการรพ.ใกล้บ้านมากขึ้น โดยเฉพาะอำเภอที่ห่างจากตัวจังหวัดไม่มาก อย่างกรณีอ.บ้านลาดห่างจากเพชรบุรี 8 กิโลเมตร หรืออ.บ้านแหลมห่าง 12 กิโลเมตร เป็นต้น

           ทั้งนี้ การเกิดขึ้นของนโยบาย “บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่” ในสิทธิ 30บาทรักษาทุกโรค ต้องการสร้างความสะดวกให้กับคนไข้ รับบริการหน่วยที่ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน  ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว มิใช่แห่ไปรับบริการรพ.ใหญ่แม้จะไกล เพราะสามารถรักษาได้ทุกที่

         ตัวเลขของรพ.พระจอมเกล้า ช่วงเวลา 3 วันตั้งแต่  8-10 ม.ค.2567 จำนวนผู้ป่วยนอกอยู่ที่ราว 1,900-2,000 คน  ที่เป็นผู้ป่วยข้ามเขตพื้นที่มีราว 5 %  ถือว่าอยู่ในอัตราที่รับได้ ยังไม่มีนัยสำคัญของการแห่มารพ.ใหญ่  จะต้องติดตามต่อในระยะยาว  รวมถึง การมารับบริการนั้นเป็นความเจ็บป่วยที่ต้องมารับรักษาในรพ.ใหญ่หรือไม่
เพชรบุรี \'บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่\' โมเดลขยับต่อไปสู่ประกันสังคม

พัฒนาระบบรองรับ
      จ.เพชรบุรีมีประชากรรวม 432,883 คน หน่วยบริการสาธารณสุข 133 แห่ง แยกเป็น รพ.สังกัดสธ. 8 แห่ง รพ.กองทัพบก  1 แห่ง รพ.เอกชน 2 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) 117 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 5 แห่ง  รวมถึง มีผู้ประกอบการ 314 แห่ง เป็นคลินิก 204 แห่ง ร้านขายยา 103 แห่งและคลินิกแล็ป 7 แห่ง  ก่อนการดำเนินตามนโยบาย จึงมีการเตรียมความพร้อมอย่างดี

          นพ.อมรเทพ บุตรกตัญญู รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า  การพัฒนาระบบบันทึกข้อมูล หน่วยบริการสาธารณสุขมีการติดตั้งหมอพร้อม Station 100 % แล็ปติดตั้ง 85.7 % ร้านยา 38.83 % และคลินิก 13.24 %  มีการปรับปรุงระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ FireWall , Log และAntivirus 100 %  รวมถึง รพ.สังกัดสธ.ผ่านการประเมินรพ.อัจฉริยะ 100 % 

        และการพัฒนาระบบยืนยันตัวตน  มีการยืนยันตัวตนผู้รับบริการหรือ Health ID สะสมแล้ว  224,842 คน คิดเป็น 51.94 % ส่วนผู้ให้บริการ 4 วิชาชีพ หรือ Provider ID ยืนยันแล้ว 87.04 % เป็นทันตแพทย์ 97.78 % เภสัชกร 97.65 % เทคนิคการแพทย์ 93.62 % และแพทย์ 75.51 % ซึ่งผู้ที่ทำการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าดูข้อมูลคนไข้จากฐานข้อมูลได้ 

บริการไร้รอยต่อ คนไข้สะดวก 
         การให้บริการของรพ.กระจอมเกล้าภายใต้นโยบายบัตรประชาชนใบเดียว เป็นไปแบบไร้รอยต่อ  นพ.จิรายุ  เล็กพิทยา รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.พระจอมเกล้า ให้ข้อมูลว่า  ผู้ป่วยสามารถจองคิวพบแพทย์ได้ล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม เมื่อมารพ.คนไข้ยืนยันการรับบริการด้วยการยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่หรือเสียบบัตรที่ตู้คีย์ออส จากนั้นจะได้คิวไปรอพบแพทย์  โดยแพทย์จะดึงข้อมูลคนไข้แต่ละรายจากหมอพร้อม Station

       หลังตรวจคนไข้แล้ว หากมีการสั่งยา ผู้ป่วยอาจรอรับยาที่รพ. หรือเลือกที่จะให้ Health Rider ไปส่งยาให้ที่บ้านได้ภายในระยะ 15 กิโลเมตรจากรพ. ผู้ป่วยไม่ต้องรอรับยาที่รพ. หากอยู่ไกลเกินกว่านี้ สามารถให้จัดส่งยาทางไปรษณีย์ได้ ทั้งหมดจะมีเภสัชกรโทรไปให้คำแนะนำในการใช้ยาทุกครั้ง หรือให้แพทย์สั่งยาผ่าน E-Prescriptionตรงไปที่ร้านยาใกล้บ้านแล้วคนไข้ไปรับยาได้

          การตรวจแล็ป แพทย์สามารถสั่งผ่าน E-LABให้คนไข้ไปตรวจที่แล็ปใกล้บ้านได้  รวมถึง การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลให้ในระบบหมอพร้อม และคนไข้สามารถเลือกรับบริการแบบเทเลเมดิซีนได้ด้วย  ทั้งหมดนี้คนไข้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

เพชรบุรี \'บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่\' โมเดลขยับต่อไปสู่ประกันสังคม
เตรียมแผนหากคนแห่มารพ.ใหญ่
         แม้จะยังเห็นไม่ชัดเจนถึงตัวเลขของผู้ป่วยที่เดินทางข้ามเขตมารับบริการ มุ่งมารพ.ใหญ่ ทว่า จ.เพชรบุรีมีการเตรียมแผนรองรับในกรณีนี้ไว้ด้วย 

     นพ.อมรเทพ กล่าวว่า หากเกิดกรณีคนไข้มารับบริการรพ.จังหวัดมากขึ้นจำนวนมาก ก็จะบริหารกำลังคนภายในจังหวัด ด้วยการให้แพทย์รพ.อำเภอมาตรวจคนไข้ที่รพ.พระจอมเกล้า หรือคนไข้ที่ป่วยด้วยอาการไม่ซับซ้อน ก็จะได้ตรวจกับแพทย์ทั่วไปก่อน ไม่ได้พบแพทย์เฉพาะทาง และต้องรอคิวเพื่อให้แพทย์ดูแลคนไข้ที่อาการมากกว่าก่อน
     “คนไข้ที่เจ็บป่วยด้วยอาการทั่วไปแล้วมารับบริการแบบข้ามเขตในรพ.ใหญ่ เมื่อมาแล้วต้องรอคิวตรวจนานเพราะแพทย์ต้องให้บริการคนไข้ที่มีอาการซับซ้อนก่อน หรือมาแล้วได้รับการตรวจจากแพทย์ทั่วไป ไม่ต่างจากรับบริการที่รพ.อำเภอ เชื่อว่าระยะยาวจะทำให้คนไข้เข้าใจและเลือกรับการรักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้าน มากกว่าจะเลือกเดินทางไกลแล้วต้องมารอนานที่รพ.จังหวัด”นพ.อมรเทพกล่าว 
เพชรบุรี \'บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่\' โมเดลขยับต่อไปสู่ประกันสังคม
บัตรประชาชนใบเดียวสู่ประกันสังคม
      ไม่เพียงเท่านี้ การที่จ.เพชรบุรีมีเพียงรพ.พระจอมเกล้าแห่งเดียว ที่รับสิทธิผู้ป่วยประกันสังคม ทำให้บริหารจัดการภายในจังหวัดได้ ด้วยการให้ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมไปรับบริการหน่วยบริการใกล้บ้าน โดยเฉพาะรพ.อำเภอที่อยู่ใกล้  และรพ.พระจอมเกล้าทำหน้าที่เป็นเคลียริ่งเฮาส์ ตามไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับรพ.นั้นๆ

        ด้วยความพร้อมของจ.เพชรบุรี “เครือข่ายระบบบริการสาธารณสุขเป็นหนึ่งเดียว” อนาคตสามารถที่จะขยายเป็นจ.นำร่องนโยบาย “ประกันสังคม บัตรประชาชนใบเดียว”ได้เช่นกัน

“จาก 30 บาทบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ในอนาคตสามารถขยายไปยังสิทธิอื่นๆ อย่างประกันสังคม กำลังพูดคุยกันอยู่ เพราะมุ่งหวังว่า ทุกสิทธิควรได้รับความสะดวกเหมือนกัน ขณะนี้กำลังหารือกันอยู่”นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุขกล่าว   


         การดำเนินงานคล้ายกับโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ หรือUCEP ซึ่งสำนักงานประกันสังคม(สปส.) อาจต้องไปแก้กฎระเบียบให้สถานพยาบาลในเครือข่ายของประกันสังคมใช้ที่ไหนในเครือข่ายได้เช่นเดียวกัน เหมือนการใช้บัตรประชาชนใบเดียวของ 30 บาท 
เพชรบุรี \'บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่\' โมเดลขยับต่อไปสู่ประกันสังคม

     ส่วนการเบิกจ่ายเงิน ทำได้แค่ 2 ทาง คือ

1.เบิกตรงกับประกันสังคม 

2.หากสปส.ไม่อยากตามจ่ายทุกสถานบริการ ก็มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เป็นเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ มีหน้าที่จ่ายแทนก่อนแล้วไปเบิกต่อจากสำนักงานประกันสังคม

      ส่วน 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่ ผ่านมาไม่ถึง 1 สัปดาห์  นพ.ชลน่าน มีความพึงพอใจมากกว่า 80 % ยังอาจมีปัญหาเล็กน้อย เช่น ผู้มารับบริการยังไม่ได้แสดงตัวตน เป็นคอขวดทำให้ช้า 20% แต่ไม่ได้โทษผู้ให้บริการ โทษเชิงระบบต้องไปปรับแก้ไม่ให้เป็นคอขวด

     ทั้งนี้ ระยะต้นมีการเตรียมงบประมาณราว 300 ล้านบาทบริหารจัดการใน 4 จังหวัดนำร่องและอีก 800 ล้านบาท สำหรับ  8 จังหวัดในระยะ 2 ราวเดือน มี.ค.2567 ได้แก่  เพชรบูรณ์  นครสวรรค์ หนองบัวลำภู  อำนาจเจริญ นครราชสีมา สิงห์บุรี สระแก้ว และพังงา