CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองดึงกูรูร่วมถกทิศทางอนาคตโดรน ชี้ กม.ใหม่บินโดรนต้องมีใบขับขี่ – หลายประเทศจะมีโดรนขนส่งผู้โดยสารในอีก 2 ปี

วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (CADT DPU)  ร่วมกับ ชมรมสถาบันการศึกษาและบุคลากรด้านการบินประเทศไทย  จัดสัมมนาเรื่อง อากาศยานไร้คนขับ (Drone) กับทิศทางการกำกับดูแลของไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมี ดร.ดาริกา  ลัทธพิพัฒน์  อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

 น.ต.ดร.วัฒนา มานนท์ คณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน มธบ. กล่าวต้อนรับตอนหนึ่งว่า สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร   และส่งเสริมความร่วมมือด้านอากาศยานไร้คนขับ Drone ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้ขยายไปในวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปวางแผน และศึกษาต่อ

รวมถึง การกำหนดทิศทางการกำกับดูแลการใช้โดรนในประเทศไทยให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อให้เกิดการต่อยอดการนำโดรนมาใช้อย่างแพร่หลายและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

CADT DPU ชี้ธุรกิจการบินเจ็บแค่ไหนก็ไปต่อได้

'เปิดโลก 2.3 M Followers' สร้างแรงบันดาลใจเฟรชชี่ต่อยอดสู่อาชีพด้านออนไลน์

‘CADT DPU’ ติดปีกอุตสาหกรรมการบินของไทย เดินเครื่องศักยภาพทุกมิติ

เปิดมุมมอง ‘อาจารย์แพรว’ อธิการบดี DPU ในวันที่การศึกษาไทยถูกมองว่าไม่ดีพอ

 

กองทัพกับการพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ

นาวาอากาศเอกทรงศักดิ์ ธรรมสาร นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำเสนาธิการทหารอากาศ กล่าวว่า บทบาทอากาศยานไร้คนขับ ทางการทหารและความมั่นคง  โดยภารกิจทางด้านการทหาร มีการบินลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ  การบินโจมตีทางอากาศ  การบินสนับสนุนการรบ  และการสนับสนุนเหล่าทัพ/หน่วยงานด้านความมั่นคง

นอกจากนี้ยังใช้ในภารกิจทางลับ ภารกิจปนเปื้อนสิ่งสกปรก หรือ ภารกิจที่เป็นอันตราย  การบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ  ปัจจุบัน กองทัพอากาศ ได้ตั้งกองบินขึ้นใหม่ ที่จ.สระแก้ว โดยเป็นกองบินที่เป็นอากาศยานไร้คนขับโดยเฉพาะ

สำหรับผลกระทบจากการบินที่ผิดกฎหมายของอากาศยานไร้คนขับ ได้แก่ การบินถ่ายภาพบริเวณสนามบิน/ ที่ตั้งทางทหาร หรือ พื้นที่ที่หวงห้ามทางราชการ การโจมตีเป้าหมายที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

ส่วนผลกระทบด้านความปลอดภัย ได้แก่ การบินรบกวนวงจรการบิน  และชนกับอากาศยานบริเวณสนามบินและแนวร่อน หรือการชนกับอากาศยานที่บินในห้วงอากาศ  การบินละเมิดสิทธิพื้นที่ส่วนบุคคล  คลื่นสัญญาณควบคุมอากาศยานไร้คนขับผิดกฎหมายรบกวนสัญญาณคลื่นความถี่สื่อสาร

 

อนาคตเทคโนโลยี Drone

นายจรรยวรรธน์  ชาติอนุลักษณ์ นายกสมาคมโดรนชอคเกอร์ประเทศไทย กล่าวว่า  ปัจจุบันเทคโนโลยี AI  เข้ามามีบทบาทต่ออนาคตอากาศยานไร้คนขับ(Drone) มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัด 

เช่น ถ้าต้องการภาพถ่ายมุมสูงที่ต้องใช้โดรน ไม่ต้องถ่ายเองแล้วเพราะมีซอฟแวร์ ฟุตเทจภาพมุมสูงอย่างที่เราต้องการมาให้เราใช้ได้โดยไม่ต้องบินโดรน เพราะการบินโดรนในบางพื้นที่ต้องขออนุญาต และการบินแต่ละครั้งต้องขออนุญาตหลายหน่วยงานกว่าจะบินได้ มีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย จึงมีคนนำภาพมุมสูงมาขาย ซึ่งมีราคาขายอย่างน้อย 3,000-5,000 บาท ปัจจุบันราคาถึงหลักหมื่นบาท   เป็นต้น 

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

ทั้งนี้ เทคโนโลยี AI ช่วยทำให้การใช้โดรนไม่ต้องใช้คนมาคอยบังคับ หรือกังวลเรื่องที่ชาร์จ เพราะAI สามารถบังคับโดรนให้สามารถบินขึ้นลงตามเวลา และพิกัดตามที่กำหนด ซึ่งอยู่กรุงเทพฯ ก็สามารถบังคับโดรนที่อยู่มุมไหนของโลกก็ได้  เพียงแค่มีสัญญาณโทรศัพท์ 4G 5G  เพียงแต่ต้องมีกฎหมายมาควบคุมให้ชัดเจน  เพื่อไม่ให้นำโดรนไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง 

อนาคตของโดรนอีกอย่างหนึ่ง คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ ทำให้เทรนด์ของโดรนเปลี่ยนแปลงไป คนที่อยู่ในวงการต้องปรับตัวและเปลี่ยนตามให้ทัน

แนวทางการกำกับดูแล

นายฉัตรชัย ปั่นตระกูล รักษาการผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานอากาศยานไม่มีนักบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ภาพรวมการใช้อากาศยานไร้คนขับ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนมากถึง  70,978 ลำ เพิ่มขึ้นทุกปีในปี 2018 มีขึ้นทะเบียน 4,000 ลำต่อปี 

ปัจจุบันโดรนมาขึ้นทะเบียน ถึง 20,000 ลำต่อปี  ส่วนใหญ่เป็นโดรนขนาดน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ใช้เพื่อถ่ายรูป งานอดิเรก เพื่อการศึกษา  ที่เหลือใช้ด้านการเกษตร ประมาณ 10% น้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม

ในส่วนของคนบังคับโดรนปัจจุบัน มีการขึ้นทะเบียน 13,000 คน  ส่วนในต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ขึ้นทะเบียนโดรนทั้งหมดกว่า 800,000 ลำ ส่วนนักบินประมาณ  2 แสนกว่าคน  และเป็นโดรนที่ใช้เพื่อธุรกิจ มากถึง 320,000 ลำ  ดังนั้น จึงมีความต้องการแรงงานด้านนี้สูง โดยทำงานอยู่ในกิจการผู้ให้บริการทางด้านนี้ 

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

สำหรับการกำกับดูแลอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ใช้มาตรฐานเดียวกัน ทั่วโลก คือ พิจารณาจาก 3 ประเภทหลัก  คือ

1.) ความเสี่ยงต่ำ กลุ่มบันเทิง  

2.) เสี่ยงปานกลาง กลุ่มธุรกิจ 

3.) ความเสี่ยงสูง

เป็นโดรนที่มีขนาดเท่าเครื่องบินจริงและมีการขนผู้โดยสาร คาดว่าในปี 2025 จะมีอากาศยานไร้คนขับ สำหรับขนส่งผู้โดยสารในอีกหลายประเทศ  ดังนั้น การกำกับดูแลจึงไม่สามารถใช้วิธีการกำกับดูแลแบบเดียวได้ต้องขึ้นอยู่ประเภทความเสี่ยง   ส่วนความรับผิดชอบ แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กสทช. ดูแลด้านคลื่นความถี่ ตำรวจดูเรื่องความมั่นคง

ขณะที่ สำนักงานการบินพลเรือนดูเรื่องความปลอดภัย บุคลากรด้านการบิน ซึ่งบุคลากรสำคัญ คือ นักบิน ต้องมีขีดความสามารถ ต้องมีความรู้เรื่องกฎหมาย มั่นใจว่าบังคับได้จริง มีทักษะ ฯลฯ และต้องผ่านอบรมหลักสูตร เหมือนสอบใบขับขี่ ซึ่งแบ่งเป็นประเภทตามความเสี่ยง การสอบใบขับขี่อากาศยานไร้คนขับ คาดว่าออกกฎหมายรับรองได้ภายในปีนี้ เพื่อนักบินที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการสอบจะได้มีใบอนุญาตในการใช้งานโดรน  

ข้อเสนอแนะด้านกฎหมาย

นายสมชาย พิพุธวัฒน์ ประธานชมรมสถาบันการศึกษาและบุคลากรด้านการบินแห่งประเทศไทย กล่าวว่ากฎหมายไทย โดรนแบบไหนบ้างที่ต้องขึ้นทะเบียน

1.) ติดตั้งกล้องบันทึกภาพ ต้องขึ้นทะเบียนทุกกรณี 

2.) น้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัม ต้องขึ้นทะเบียน ทั้งนี้ ไม่ติดตั้งกล้องและน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม  ไม่ต้องขึ้นทะเบียน         

3.) โดรนที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัมขึ้นไป ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

CADT DPU เปิดพื้นที่ระดมสมองถกทิศทางอนาคตโดรนในไทย

สำหรับ หนังสือการขึ้นทะเบียนเป็นผู้บังคับอากาศยานโดรน มีอายุ 2 ปี ตั้งแต่วันที่ออกหนังสือ และผู้เล่นต้องอายุตั้งแต่ 18 ปี ถ้าต่ำกว่านั้น ต้องอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่ เป็นต้น