โลกการค้าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

โลกการค้าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ด้านการลงทุน การปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนไปถือเป็นสิ่งสำคัญ นักลงทุนควรมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับประเด็น Tariff ต่ำ หรือมีห่วงโซ่อุปทานที่ไม่พึ่งพาต่างประเทศมากนัก ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสงครามการค้ากลับมารุนแรงอีกครั้ง 

แม้ว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนจะจบลงด้วยผลลัพธ์ที่ดีกว่าคาด โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันที่จะชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าออกไปอีก 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขของความไม่แน่นอนสูง ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองประเทศต่างแสดงท่าทีแข็งกร้าว และตอบโต้กันด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสูงเกินกว่า 100% ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายอย่างมีนัยสำคัญ โดยฝั่งจีนอาจประสบปัญหาผลผลิตภาคอุตสาหกรรมตกต่ำ ขณะที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับต้นทุนสินค้านำเข้าที่พุ่งสูงขึ้นจากความไม่เสถียรในห่วงโซ่อุปทาน

แม้ว่าผลการเจรจาจะทำให้ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงบวกในระยะสั้น แต่โดยเนื้อแท้แล้ว นี่เป็นเพียงการ “พักรบ” ชั่วคราวในสมรภูมิที่ไม่มีฝ่ายใดสามารถเป็นผู้ชนะได้อย่างแท้จริง ทั้งสองประเทศยังคงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหาทางออกผ่านการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์แบบ “ถอยคนละก้าว” โดยในฝั่งจีนประกาศว่าเป็นการตอบรับคำขอจากฝั่งสหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯเอง ก็ชี้ว่าจีนต้องการฟื้นความสัมพันธ์ทางธุรกิจเพราะเศรษฐกิจกำลังประสบปัญหา ภาพสะท้อนนี้แสดงให้เห็นถึงการต่อรองที่แม้จะพยายามรักษาหน้าแต่ก็ยอมรับกลาย ๆ ว่าไม่อาจใช้แนวทางเผชิญหน้า และทำสงครามภาษีต่อไปได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทั่วโลกเริ่มตระหนักมากขึ้นคือ กติกาทางการค้าแบบเสรีในอดีตอาจไม่หวนกลับมาอีกต่อไป โลกกำลังเข้าสู่ยุคของการค้าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกำแพงภาษีในรูปแบบตัวเงิน หรืออุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) ซึ่งล้วนแต่ทำให้การค้าระหว่างประเทศซับซ้อนและมีต้นทุนสูงขึ้น ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นสัดส่วนหลักของ GDP ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง หากไม่สามารถค้าขายกับประเทศคู่ค้าได้อย่างคล่องตัวเหมือนเช่นเดิม

ท่ามกลางสภาวะที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ เครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทยกำลังเผชิญกับคำถามสำคัญว่า อะไรจะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนการส่งออก หากยังคงหวังพึ่งพาการค้าโลกเหมือนในอดีต ก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญกับภาวะชะงักงัน หรือถดถอย อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นความหวังอีกด้าน แม้จะเริ่มฟื้นตัวแต่ก็ยังไม่อาจแบกรับภาระของระบบเศรษฐกิจได้เพียงลำพัง ในช่วงเวลา 90 วันนับจากนี้ รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาเครื่องมือใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หาทางออกใหม่ที่พึ่งพาการเติบโตจากภายในประเทศ ลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจภายนอก และเตรียมรับมือกับโลกที่การค้าเสรีอาจกลายเป็นเพียงภาพในอดีต

ในด้านการลงทุน การปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนไปถือเป็นสิ่งสำคัญ นักลงทุนควรมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับประเด็น Tariff ต่ำ หรือมีห่วงโซ่อุปทานที่ไม่พึ่งพาต่างประเทศมากนัก ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสงครามการค้ากลับมารุนแรงอีกครั้ง นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีปันผลสม่ำเสมอและฐานะการเงินแข็งแรง เนื่องจากในภาวะความไม่แน่นอน หุ้นที่ให้กระแสเงินสดในรูปของเงินปันผลอย่างมั่นคง จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน และเสริมความมั่นใจในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับการถือครองในช่วงเวลาเช่นนี้