MORE เดินหน้าเพิ่มทุนต่ออ้าง 'รายย่อย' เรียกร้องสรรหาธุรกิจใหม่

MORE เดินหน้าเพิ่มทุนต่ออ้าง 'รายย่อย' เรียกร้องสรรหาธุรกิจใหม่

MORE แจงเดินหน้าเพิ่มทุนต่ออ้างรายย่อยเรียกร้องสรรหาธุรกิจใหม่และเปิดเผยข้อมูลไม่ได้เพราะยังเป็นความลับ ขณะที่คดีความผู้ถือหุ้นไม่เป็นปัญหามีจำนวนไม่ถึง 100 คน หรือไม่ถึง 1% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด เตรียมดำเนินการขอมติผู้ถือหุ้นภายใน 2 เดือนหลัง 26 ธ.ค. 66

        พล.ต.ต. ลัทธสัญญา เพียรสมภาร ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กล่าวว่า ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบต่อรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเกี่ยวกับรายการออกหุ้น สามัญเพิ่มทุน เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) และการออกใบสำคัญ แสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิ MORE-W3)

      คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่าการทำรายการดังกล่าวมีความเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนิน ธุรกิจของบริษัทและผู้ถือหุ้น ถึงแม้รายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ได้ให้ความเห็นว่าการทำรายการดังกล่าว มีความไม่เหมาะสมด้านราคา เงื่อนไข และความสมเหตุสมผลของการทำรายการ และไม่ควรอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมการออก หุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

      เนื่องจากแผนการใช้เงินลงทุนที่ไม่สามารถประเมินความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ของโครงการและความคุ้มค่าในการลงทุนได้อย่างชัดเจน จากข้อจำกัดในด้านการเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ภายใต้สัญญารักษาความลับ (“NonDisclosure Agreement”) รวมถึงผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจมีต่อผู้ถือหุ้นจาก Dilution Effect ทั้งในด้าน 1) Control Dilution 2) Price Dilution และ 3) EPS Dilution จากการเสนอขายหุ้นสามัญ ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญ เพิ่มทุนใหม่ ด้วยระดับราคา 0.05 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดเฉลี่ยก่อนการเสนอขาย ที่เท่ากับ 0.17 บาทต่อหุ้น และ ความเสี่ยงจากการใช้เงินไม่ตรงตามวัตถุประสงค์นั้น

       คณะกรรมการตรวจสอบขอเรียนให้ทราบว่าในการพิจารณาทำรายการดังกล่าว คณะกรรมการตรวจสอบและ คณะกรรมการบริษัท ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากข้อจำกัดที่ไม่สามารถระบุจำนวนเงินที่จะได้รับอย่างแน่นอนของวิธีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (“Right Offering”) ในครั้งนี้เป็นอย่างดี  แต่การทำรายการดังกล่าวเป็นความประสงค์และข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ต้องการให้บริษัทฯ หาช่องทาง ธุรกิจใหม่หรือดำเนินการใดๆที่จะสร้างผลตอบแทนเพื่อสะท้อนมายังราคาหลักทรัพย์หรือสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น

     รวมถึงประเด็นเรื่องคดีความฟ้องร้องของหน่วยงานทางการต่อกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อดีตผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลุ่ม บุคคลที่มีประเด็นดังกล่าวนั้นมีจำนวนไม่ถึง 100 คน เมื่อเทียบสัดส่วนคิดเป็นจำนวนไม่ถึง 1% ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ บริษัท ที่มีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนมากกว่า 10,000 คน

        ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่าการทำรายการดังกล่าวจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ถือหุ้นอื่นทุกรายที่มีความ พร้อมทางด้านเงินทุน เข้ามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการบริษัท อีกทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในลักษณะ Right Offering เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบนเงื่อนไขเดียวกันแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายของบริษัทฯ อย่างเท่าเทียมผลกระทบ และความเสี่ยงที่อาจมีต่อผู้ถือหุ้นจาก Dilution Effect เป็นกลไกที่เกิดขึ้นทำให้โครงสร้างองค์กรและ/หรือโครงสร้างทาง  การเงินของบริษัทฯ มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา

     และการทำรายการดังกล่าวยังเพิ่มโอกาสให้บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม แบบ OEM หรือ ODM เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจในด้านต่างๆ ซึ่งจะสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ๆ ได้ในอนาคต เป็นการเปิด ช่องทางการหารายได้ให้หลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน                     คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุด ของ  ผู้ถือหุ้น ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นสำคัญ จึงยังคงมีความเห็นไม่แตกต่างไปจากที่ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท ที่มี มติเห็นชอบอนุมัติให้ทำรายการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (“Right Offering”) และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (“ใบสำคัญแสดงสิทธิ MORE-W3”)

      และเห็นควรให้นำเสนอรายการดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาภายใต้เงื่อนไขกำหนดเวลาที่ต้องดำเนินการให้ทันเวลา เนื่องจากผู้ถือหุ้นได้รับผลกระทบด้านราคาหลักทรัพย์ ณ วันปิดสมุด(record date) ไปเรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ มติการทำ รายการในครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2566 และได้กำหนด record date ในวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ซึ่งตามกฎหมาย บริษัทต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือนหลังวันที่กำหนด record date ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติทำรายการหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ถือหุ้น เป็นสำคัญ