ตลาดเกิดใหม่จุดประกายความหวังสูงปี 2026 หลังปีที่รุ่งเรือง  

ตลาดเกิดใหม่จุดประกายความหวังสูงปี 2026 หลังปีที่รุ่งเรือง  

ตลาดเกิดใหม่ พร้อมเปิดปี 2026 ในฐานะการลงทุนยอดนิยมของนักลงทุนในวอลล์สตรีท ผู้จัดการกองทุนต่างเชื่อว่ากำลังเข้าสู่รอบหลายปีของกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) พร้อมเปิดปี 2026 ในฐานะการลงทุนยอดนิยมของนักลงทุนในวอลล์สตรีท เมื่อผู้จัดการกองทุนเดิมพันว่ากำลังเข้าสู่รอบหลายปีของกระแสเงินทุนไหลเข้า

กระแสทุนพุ่งเข้าสู่ภาคนี้ในปีนี้  ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ในทุกหลักทรัพย์ตลาดเกิดใหม่  เป็นสัญญาณว่านักลงทุนจำนวนมากขึ้นกำลังจัดสรรเงินไปยังภาคที่เคยถูกมองข้ามหลังผลงานย่ำแย่หลายปี นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ที่หุ้นตลาดเกิดใหม่ทำผลตอบแทนเหนือกว่าหุ้นสหรัฐ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรตลาดเกิดใหม่กับพันธบัตรสหรัฐหดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และกลยุทธ์กู้ยืมเงินจากสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์หรือสกุลเงินอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า (carry trade) ทำกำไรได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009

ความกระตือรือร้นต่อภาคนี้ปรากฏชัดในการประชุมสัมมนาการลงทุนล่าสุดของธนาคารแห่งอเมริกา Bank of America Corp ในลอนดอน ซึ่งธนาคารต้อนรับนักลงทุน 300 รายและจัดการประชุม 170 ครั้ง และแทบไม่พบมุมมองแง่ลบต่อตลาดเกิดใหม่ เดวิด เฮาน์เนอร์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ของ BofA ตัดสินว่า “ฝูงหมีตลาดเกิดใหม่ สูญพันธุ์ไปแล้ว

สิ่งที่อาจกำลังเกิดขึ้นคือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของกระแสการลงทุนทั่วโลก ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอ ต้องการกระจายความเสี่ยงจากสหรัฐ ขณะที่ถูกดึงดูดด้วยความก้าวหน้าของประเทศกำลังพัฒนาในการลดหนี้และควบคุมเงินเฟ้อ

ตลาดเกิดใหม่จุดประกายความหวังสูงปี 2026 หลังปีที่รุ่งเรือง  

นี่คือการพลิกผันที่น้อยคนนักจะคาดคิด จนกระทั่งไม่นานมานี้ นักลงทุนยังหลีกเลี่ยงสินทรัพย์กลุ่มนี้อยู่ หลังจากผลตอบแทนที่ซบเซาต่อเนื่องหลายปี และความกังวลต่อสงครามการค้ากับสหรัฐ ผู้จัดการกองทุนต่างก็ขายไอเดียนี้ให้ลูกค้าได้ยาก ขณะที่เฮดจ์ฟันด์จำนวนมากมองว่าโอกาสทำเงินที่ดีที่สุดกลับอยู่ที่การเก็งกำไรฝั่งตรงข้าม คือการขายชอร์ต ตลาดเกิดใหม่  

“ปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยน” แซมมี ซูซูกิ หัวหน้าฝ่ายหุ้นตลาดเกิดใหม่ของAllianceBernstein LP ในนิวยอร์ก กล่าว “เมื่อปีก่อนคำถามคือ ตลาดเกิดใหม่ยัง ‘น่าลงทุน’ อยู่หรือเปล่า แต่ตอนนี้เราไม่ได้รับคำถามแบบนั้นอีกแล้ว”  

  • แนวโน้มยังมีอัพไซด์ต่อ  

ธนาคารใหญ่อย่าง JPMorgan Chase & Co และ Morgan Stanley ก็เข้าร่วมฝั่งมองบวก โดยคาดว่าตลาดเกิดใหม่จะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการลงทุนอย่างมากในด้านปัญญาประดิษฐ์ JPMorgan คาดการณ์ว่าเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่อาจสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า

บ็อบ ไมเคิล หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ระดับโลกของ JPMorgan Asset Management Inc กล่าวว่า “หนึ่งในไอเดียการลงทุนที่ดีที่สุดของเรายังคงเป็นการถือตราสารหนี้ท้องถิ่นในตลาดเกิดใหม่ต่อไป เราน่าจะได้กำไรจากราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้เก็บดอกผล  และเราคิดว่าเงินสกุลตลาดเกิดใหม่ยังมีอัพไซด์เหลืออยู่เล็กน้อย”

ด้านธนาคาร Morgan Stanley ก็แนะนำให้ลูกค้าถือตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นต่อไป และทยอยซื้อตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ที่ออกเป็นดอลลาร์เพิ่ม ขณะที่ BofA คาดว่าพันธบัตรตลาดเกิดใหม่สกุลเงินแข็ง (hard-currency EM bonds) จะสามารถทำผลตอบแทนระดับสองหลักซ้ำได้อีกในปีหน้า

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญอย่างหนึ่งคือ “ระดับการถือครอง” ของนักลงทุน; แม้ตลาดจะฟื้นแรง แต่กระแสเงินไหลเข้าจริง ๆ ยังถือว่าไม่มาก กองทุนอีทีเอฟ (ETF) สหรัฐที่ลงทุนในหุ้นตลาดเกิดใหม่รับเงินไหลเข้าราว 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2025 ตามประมาณการของ Strategas Securities ด้านกองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่มีเงินไหลเข้าเกิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ EPFR Global ที่ BofA รวบรวม แต่ตัวเลขนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เคยมีเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมกัน 1.42 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสามปีก่อนหน้า นั่นหมายความว่าตลาดเกิดใหม่ยังคงถูกถือน้อยกว่าน้ำหนักที่ควรจะเป็นในพอร์ตการลงทุนทั่วโลก

“ปีนี้ถือเป็น ‘การกลับมาของนักจัดสรรสินทรัพย์’ หลังผ่านช่วงห้าปีที่โหดร้าย” ท็อดด์ โซห์น นักกลยุทธ์ ETF และเทคนิครุ่นอาวุโสของ Strategas ในนิวยอร์กกล่าว “นักลงทุนจำนวนมากตระหนักว่าพอร์ตของตัวเองเอียงไปที่หุ้นสหรัฐกลุ่มเติบโตขนาดใหญ่ (US large-cap growth) มากเกินไป และเริ่มขยับไปสู่การกระจายการลงทุนในระดับโลก”

ขณะเดียวกัน สัดส่วนของตลาดเกิดใหม่ในดัชนีอ้างอิงหุ้นและพันธบัตรทั่วโลกก็กำลังเพิ่มขึ้น ฝั่งหุ้น ตลาดเกิดใหม่เพิ่มน้ำหนักมากกว่าหนึ่งจุดร้อยละ (pp) เมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว ขยับเข้าใกล้ระดับ 13% ในดัชนี Bloomberg World Large & Mid Cap Index ส่วนฝั่งตราสารหนี้ ตลาดเกิดใหม่ก็เพิ่มสัดส่วนในดัชนี Bloomberg Global Aggregate Total Return Index เช่นกัน

ราจีฟ เดอ เมลโล จาก Gama Asset Management SA กล่าวว่า ในที่สุดนักลงทุนก็กลับมาสนใจตลาดเกิดใหม่ แต่เห็นว่ายังมีโอกาสที่พวกเขาจะ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน(overweight) ในตลาดเกิดใหม่ให้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

  • คำถามเกี่ยวกับดอลลาร์  

การฟื้นตัวในปีนี้อาจกำลังบดบังจุดเปราะบางของสินทรัพย์กลุ่มนี้ จีนที่ติดอยู่ในวงจรเงินฝืดอาจเป็นความท้าทาย เมื่อส่งออกกำลังการผลิตส่วนเกินไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ กดดันอุตสาหกรรมท้องถิ่น  

แต่บททดสอบใหญ่สุดอยู่ที่ดอลลาร์ การอ่อนค่าลง 8% ในปีนี้ช่วยพยุงสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ แต่หลายฝ่ายมองว่าดอลลาร์อาจเด้งกลับ หากเฟดลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด นักกลยุทธ์ธนาคาร Citigroup Inc แนะนำลูกค้าให้ซื้อเฉพาะสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ที่ทนทานต่อการเด้งกลับของเงินดอลลาร์ได้  

อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าพันธบัตรตลาดเกิดใหม่จะให้ผลตอบแทนรวม 5% ในปีหน้า ไมเคิลจาก JPMAM ก็ยังยึดมุมมองบวกต่อตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ โดยคาดว่าผลตอบแทนจริง (real yields) ที่ “สูงมาก” จะยังดึงดูดนักลงทุนได้ แม้ในสถานการณ์ดอลลาร์แข็งค่า

สำหรับตอนนี้ เงินทุนยังไหลเข้าต่อเนื่อง  กองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่รับเม็ดเงินสุทธิ 4 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งเป็นกระแสเงินไหลเข้ารายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และหากตลาดเกิดใหม่สามารถ “ยืนหยัด” รับมือการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์และนโยบายเฟดได้ นักลงทุนที่ระมัดระวังอาจเริ่มเชื่อมั่นว่ากำลังมีการปรับพอร์ตเชิงโครงสร้างเกิดขึ้นจริง ตามความเห็นของซูซูกิ จาก AllianceBernstein  

เขากล่าวว่า “ความไม่แน่นอนนี้เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสให้นักลงทุนกล้าเข้าซื้อ เมื่อถึงวันที่ทุกคนเชื่อมั่นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว มันอาจจะสายเกินไป”

  • สิ่งที่ต้องจับตา

- จีนจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (loan prime rate) ในวันจันทร์ คาดว่าน่าจะคงที่ แต่โอกาสลดดอกเบี้ยดูมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงต้นปีหน้า  

- ข้อมูลที่จะออกวันจันทร์อาจชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเม็กซิโกฟื้นตัวในเดือนตุลาคม ขณะที่ของอาร์เจนตินาใกล้ทรงตัว  

- ตัวเลขเงินเฟ้อกลางเดือนธันวาคมของบราซิลในวันอังคารอาจแสดงการเร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งจากการลดราคาช่วงเทศกาลลดราคาพิเศษในเดือนพฤศจิกายน  

- ข้อมูลในวันอังคารอาจชี้ว่า ดุลการค้าเม็กซิโกพลิกเป็นเกินดุล ขณะที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของโคลอมเบียขาดดุลมากขึ้น  

- ช่วงปลายสัปดาห์ ธนาคารกลางโคลอมเบียจะเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุด  

- ปารากวัยและอุรุกวัยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่อียิปต์จะประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝากภายหลัง