เงินเข้า’กองหุ้นไทย’ นิวไฮรอบ3ปี แตะ3.3 พันล้าน หลังดัชนีร่วง น่าสนใจ

เงินเข้า’กองหุ้นไทย’ นิวไฮรอบ3ปี แตะ3.3 พันล้าน หลังดัชนีร่วง น่าสนใจ

"มอร์นิ่งสตาร์"  ชี้ ไตรมาส1/66 เงินไหลเข้ากองทุนหุ้นไทยสูงสุดรอบ 3 ปีแตะ 3.3 พันล้าน หลังดัชนีร่วง เพิ่มความน่าสนใจลงทุน  เผย ฟื้น "กองทุนแอลทีเอฟ"กลับมาใหม่ภายใต้เงื่อนไขเดิม หนุนตลาดหุ้นไทยคึก ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยปีนี้ลุ้นบวกต่อเนื่อง 

นางสาวชญานี จึงมานนท์  นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 พบว่า กองทุนหุ้นไทย (ที่ไม่รวมกลุ่มกองทุนประหยัดภาษี LTF ,RMF และSSF) มีเงินไหลเข้าสุทธิสะสม  3,300 ล้านบาท  หากมองย้อนกลับไปจะพบว่าเป็นเงินไหลเข้าระดับพันล้านครั้งแรกในรอบ 3 ปี

ทั้งนี้สาเหตุมาจากดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนมีความสนใจลงทุนในกองทุนหุ้นไทยมากขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้  สะท้อนว่า นักลงทุนไทยยังนิยมการลงทุนหุ้นไทย เพราะเมื่อเทียบกับภาพรวมกลุ่มกองทุนประหยัดภาษี (LTF ,RMF และSSF) มีมูลค่าทรัพย์สิทธิสุทธิที่ 220,000 ล้านบาท ลดลง 2.8% จากสิ้นปีก่อน และผลตอบแทนติดลบ

นอกจากนี้เม็ดเงินลงทุนกลุ่มกองทุนประหยัดภาษียังทรงตัวระดับนี้มา 3 ปี ไม่ได้มีเงินกลับเข้ามาลงทุน ซึ่งหลังจากไม่มีกองทุน LTF ทำให้ที่ผ่านมามูลค่ากองทุนประหยัดภาษีลดต่ำลงไปมาก แม้ว่าจะมีกองทุนSSF มาทดแทน และยังคงมีกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)อยู่แล้วก็ตาม

"แม้จะมีกองทุนSSFทดแทน แต่มีเงื่อนไขการลงทุนเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับ LTF ทั้งมูลค่าการลงทุนลดลงมากและระยะเวลาลงทุนที่ยาว มาเป็นวันชนวัน อีกทั้งกองทุน SSF ยังเป็นการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ซึ่งเป็นทางเลือกการลงทุนในช่วงโควิด เพราะหุ้นต่างประเทศมีหุ้นเทคโนโลยี ทำให้แตกต่าง แต่ไม่ว่าอย่างไรคนไทยก็ยังนิยมไปลงทุนในกองทุนหุ้นไทยอยู่ เพราะว่าเห็นเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นไทย" 

นางสาวชญานี กล่าวว่า ณ ปี 2560 กองทุน LTF มีเงินไหลเข้าสุทธิถึง 15,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 เป็นเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดถึง 37,000 ล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเวลานั้นอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด ยังมีต้นทุนที่สูงกว่าปัจจุบันพอสมควร เพราะดัชนีฯปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด และไตรมาส 4 ปี 2565 หลายกองทุน LTF ยังมีผลตอบแทนติดลบ มองว่า คงต้องรอให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก่อนถึงจะมีแรงขายกองทุน LTF ออกมามาก

สำหรับในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 กองทุน LTF มีเงินไหลออกสูงระดับ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้เงินลงทุนในรอบปี 2560 จะสามารถไถ่ถอนได้ตามเงื่อนไขถือครอง 7 ปีปฏิทิน ทำให้กองทุน LTF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 300,000 ล้านบาท ลดลง 8.5%จากสิ้นปีก่อน 

ส่วนกรณี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีการเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอกระทรวงการคลัง ฟื้นกองทุนLTF นางสาวชญานี กล่าวว่า  หากนำกองทุนLTF กลับมาใหม่ มองว่าหากยังอยู่บนเงื่อนไขการลงทุนเหมือนเดิมจะทำให้สนใจการลงทุนกองทุนประหยัดภาษีมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา 

โดยจะทำให้มีเม็ดเงินจากกองทุน LTF เข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้นไทยเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญของการมีกองทุนประหยัดภาษีเพิ่มเติม จะช่วยสนับสนุนเรื่องการออมเงินของประชาชนด้วย  

แต่การพิจารณานำกองทุน LTF กลับมาใหม่นั้น ยังต้องรอรัฐบาลใหม่ว่าจะมีท่าทีและกำหนดเงื่อนไขการลงทุน ทั้งมูลค่าการลงทุนและระยะเวลาการลงทุนว่าจะเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไรต่อไป 

 ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย (เฉพาะกองทุนเปิด ไม่รวมกองทุนปิด, ETF, REIT, Infrastructure fund)  ในไตรมาส 1 ปี 2566 มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 3.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากสิ้นปีก่อน  มีเงินไหลเข้าสุทธิ 40,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินจากกองทุนตราสารหนี้ 22,000 ล้านบาท และตราสารทุน 8,000 ล้านบาท รวมกันราว 30,000 ล้านบาท  

ในส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมฯ ในช่วงที่เหลือปีนี้ มองว่ายังมีโอกาสเป็นบวก  แต่ประเมินได้ยาก เพราะช่วงครึ่งหลังจนถึงสิ้นปีนี้ยังต้องติดตามท่าทีของเฟดว่ายังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกหรือไม่ คาดว่าอย่างเร็วที่สุดเฟดน่าจะปรับลดดอกเบี้ยช่วงปลายปีนี้ เป็นโอกาสที่ตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นได้