วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ DELTA ผลประกอบการ 1Q68: กำไรสูงกว่าประมาณการ

กำไรจากธุรกิจหลักของ DELTA ใน 1Q68 อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท (+31% YoY, +143% QoQ) สูงกว่าประมาณการของเรา 31% เนื่องจาก
i) ยอดขายสูงกว่าที่คาดไว้ 7% ซึ่งน่าจะเป็นเพราะมีอุปสงค์ที่ร่นเข้ามา (pull-in demand) ก่อนที่มาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ ii) อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าที่คาดไว้ 0.6ppt เพราะ product mix ดี iii) ค่าใช้จ่าย SG&A ต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ 10% เพราะสัดส่วนค่าธรรมเนียม royalty fee ต่อยอดขายลดลง (ซึ่งน่าจะเป็นเพราะยอดขายสินค้าที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม non-royalty มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น) และ iv) ค่าใช้จ่ายภาษีลดลง 17% เพราะอัตราภาษีจ่ายจริง (effective tax rate) อยู่ที่ 12.5% (ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ตามแนวทาง global minimum tax rate ที่ 15%) เพราะมีบางรายการที่หักภาษีได้ ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q68 คิดเป็น 30% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่ไม่น่ากังวลเท่าก่อนหน้านี้ เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ re-rate PER
ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐดูเหมือนจะคลี่คลายลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐขึ้นอัตราภาษีสินค้าจีนเป็น 145% อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงในประเด็นอื่น ๆ อยู่ ซึ่งได้แก่ i) วัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอาจะใกล้หมดรอบ หลังจากที่ยอดขาย semiconductor โลกเพิ่มขึ้นมา 45%ในช่วง 21 เดือนที่ผ่านมา (มีนาคม 2566 – พฤศจิกายน 2567) ii) pull-in demand ที่ร่นเข้ามาก่อนที่มาตรการภาษีจะมีผลบังคับใช้อาจจะทำให้อุปสงค์แผ่วลงในไตรมาสต่อ ๆ ไป iii) การที่ Microsoft และ Amazon เลื่อนแผนลงทุนออกไป และ iv) KGI Taiwan ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของยอดจัดส่ง server โลกในปี 2568 ลงเป็น 4% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลประกอบการของ DELTA ดีขึ้นใน 1Q68 เราจึงปรับสมมติฐานของเรา ดังนี้ i) ปรับเพิ่มประมาณการยอดขายขึ้นอีก 2% เพื่อสะท้อนถึงสถานการณ์ด้านภาษีการค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้น ii) ปรับ
เพิ่มสมมติฐาน GPM ขึ้น 40bps เพื่อสะท้อนถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้น และ การอ่อนค่าของเงินบาท iii) ปรับลดสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเป็น 13.7% เป็นสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่ต่ำเป็นพิเศษใน 1Q68 และ iv) ปรับลดอัตราภาษีจ่ายจริงลงจาก 15% เป็น 12.5% เพื่อสะท้อนอัตราภาษีใน 1Q68 จากการหักภาษีบางรายการหลังมีการใช้ Global minimum Tax rare โดยสรุปแล้ว เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568-2569 ขึ้นอีก 12% ทั้งนี้ จากสถานการณ์ด้านภาษีการค้าที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ เราจึง re-rate PER จาก 40.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.25 S.D.) เป็น 46.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต)
Valuation & action
เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568F เป็น 67.00 บาท จากเดิม 52.00 บาท อิงจาก PER ที่ 46.0x (ค่าเฉลี่ย
ในอดีต) ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับประเด็นภาษีการค้าจะดูเหมือนดีขึ้นกว่าช่วงก่อน แต่เรามองว่ายังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง โดยเฉพาะในประเด็นเฉพาะของบริษัทได้แก่ i) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ royalty fee และ ii) ค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นทางด้านที่เกี่ยวกับประเด็นทางด้านกฎหมาย ทั้งนี้เนื่องจากราคาหุ้นล่าสุดยังมี downside อีก 18% เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย”
Risks
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น