กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ เลือกสรรหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในธีม ESG investment
ดัชนี SETESG outperform ดัชนีหลักอื่น ๆ ในช่วง timeframe 5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในหุ้น ESG เป็นประเด็นที่มีอิทธิพลกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
และ รัฐบาลกำลังเดินหน้าตามแผนออกกองทุน Thai ESGX ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ดังนั้น เราจึงมองหาหุ้น ESG ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว เราพบว่าดัชนี SETESG outperform ดัชนีหลักอื่น ๆ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ดังแสดงใน Figure 1 โดยดัชนี SETESG ลดลง 12% น้อยกว่าดัชนี SET ที่ลดลง 15% และ ดัชนี SET50 ที่ลดลง 20%
ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเป็นอันดับสองในเอเชีย
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ในขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรผันผวนอย่างหนักเพราะหุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาดกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มพลังงาน และ หุ้น cyclical อย่างไรก็ตาม ยังมีคุณลักษณะสำคัญของตลาดหุ้นไทยบางประการที่เข้ากับธีม ESG และ การลงทุนระยะยาว นั่นคือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ consensus ประเมินว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2568F จะอยู่ที่ 4.4% และ ปี 2569F จะอยู่ที่ 4.7% ดังแสดงใน Figure 2 ซึ่งมีประเทศเดียวในเอเชียที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าตลาดไทยคืออินโดนีเซีย
กำหนดเกณฑ์สองสามข้อเพื่อเฟ้นหาหุ้น ESG ที่น่าสนใจ
ในการทำ conviction list สำหรับหุ้น ESG ที่ KGI ศึกษาอยู่ เราได้กำหนดเกณฑ์การคัดหุ้นไว้สามข้อ โดยในข้อแรก ต้องเป็นหุ้นที่ undervalue เมื่อเทียบกับช่วงของการประเมินมูลค่า (valuation band) ในอดีต และ ยังมี upside หลังจากที่นักวิเคราะห์ของเราใส่ความเสี่ยงที่มองเห็นเข้ามาในประมาณการแล้ว ข้อที่สอง ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนกระแสข่าวลบไปมากแล้ว และ ข้อที่สาม คือต้องเป็นเจ้าตลาด (dominant players) ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ และ น่าจะประคองตัวได้ดี รวมถึงฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็วเมื่อภาวะเศรษฐกิจมหภาค และ อุตสาหกรรมดีดตัวกลับขึ้นมา ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ดังกล่าว เราเลือก Bangkok Dusit Medical
Services (BDMS.BK/BDMS TB)*, Central Pattana (CPN.BK/CPN TB)* และ Global Power Synergy (GPSC.BK/GPSC TB)* เป็นหุ้น conviction ESG สามตัวสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาว
BDMS: เรามองบวกกับแนวโน้มผลประกอบการของ BDMS ในอีกสองสามปีข้างหน้า ซึ่งน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากการนำเกณฑ์ ESG มาใช้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลในระยะสั้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกอาจจะจำกัดการเติบโตไว้ในระดับหนึ่ง เรายังคงเลือก BDMS เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเรา โดยเรายังคงคำแนะนำซื้อ และ ประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2568F ที่ 32.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ terminal growth ที่ 2.0%)
CPN: เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CPN ใน 1Q68F จะอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท (+1.7% YoY, +8.6% QoQ) โดยการเติบโตจะมาจากรายได้ค่าเช่า และ บริการ และ รายได้จากธุรกิจโรงแรม ในขณะที่รายได้จากที่อยู่อาศัยจะลดลงมาก ถึงแม้เราจะคาดว่ากำไรในปี 2568F จะโตเพียง 2% YoY แต่เราคาดว่ากำไรน่าจะดีดตัวได้แรงถึง 12% YoY ในปี 2569F จากการที่มีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น (เปิดห้างใหม่สามแห่ง) และ มียอด backlog ของโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น เราประเมินราคาเป้าหมาย DCF ที่ 63.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5%, terminal growth ที่ 1%) และ แนะนำ ซื้อ
GPSC: เราแนะนำซื้อ GPSC โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 35.50 บาท เนื่องจากมองว่า margin ของ SPP น่าจะแข็งแกร่งเกินคาดจากการที่ราคา LNG ลดลง และ เงินบาทแข็งค่าขึ้น เราคาด่วากำไรจาก
ธุรกิจหลักใน 1Q68F จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% QoQ เพราะต้นทุนพลังงานลดลง, ผลการดำเนินงานของ Avaada/XPCL ดีขึ้น และ ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง สำหรับแนวโน้มในระยะยาว เราคาดว่าสัดส่วน โครงการพลังงานหมุนเวียนของ GPSC จะเพิ่มขึ้นเป็น 68% ภายในปี 2572F นำโดย Avaada และ ammonia
co-firing ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ลดลงมีน้ำหนักมากกว่าค่าไฟฟ้าที่ลดลง ในขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันคิดเป็น PE และ PBV ที่ -2SD เราจึงมองว่าราคาหุ้นมี upside อีก แม้ว่าเราจะใช้สมมติฐานราคาก๊าซ และ ค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่า consensus ก็ตาม
