วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยช่วงเช้าปรับตัวลงต่ำสุดเกือบ 30 จุด หลุด 1,200 จุด จากความกังวลสงครามการค้า หลัง "ทรัมป์" ปธน.สหรัฐ ยืนยันเก็บภาษีนำเข้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก

พร้อมขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap ขณะที่ ในช่วงบ่ายมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นบางตัว นำโดย CPALL และ GULF ทำให้ดัชนีลดช่วงลบ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,203.72 จุด -12.01 จุด -0.99% มูลค่าการซื้อขาย 74,437 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ ผ่านมาดัชนี -42.49 จุด -3.41% และในเดือนที่ผ่านมาดัชนี -110.78 จุด -8.43%) Program Trading -5,673.61 ลบ. ต่างชาติ -4,964.40 ลบ. TFEX -855 สัญญา ตราสารหนี้ -5,021.63 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 601.41 จุด หรือ +1.39% หลังการซื้อขายที่ผันผวน โดยหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น แม้การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ประสบความล้มเหลวก็ตาม
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจัดตั้งกองทุนสำรอง คริปโทเคอร์เรนซีเชิงกลยุทธ์ (Strategic Cryptocurrencies Reserve) ในสหรัฐฯ โดยจะนำเหรียญบิตคอยน์ (Bitcoin), อีเธอร์ (Ether), เอ็กซ์อาร์พี (XRP), โซลานา (Solana) และคาร์ดาโน (Cardano) เข้ารวมอยู่ในกองทุนสำรองดังกล่าวด้วย
+ จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตอยู่ที่ 50.2 ในเดือนก.พ. สูงสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับ 49.1 ในเดือนม.ค. ดัชนีการสูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ 49.9 ในผลสำรวจของรอยเตอร์

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 69.76 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลงรายเดือนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพ.ย. ขณะที่ตลาดประเมินการปะทะคารมกันอย่างดุเดือดที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลกับการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ และการตัดสินใจของอิรักที่จะเริ่มส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถาน
 

- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อขยายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในประเด็นความขัดแย้งกับยูเครนออกไปอีกหนึ่งปี
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% ในไตรมาส 1/2568
- ตลท.สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่าสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 7,751.95 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,437.68 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 18,001.72 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 28,191.35 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีของยูเครน ประสบความล้มเหลว ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาดมองกรอบดัชนี 1,190-1,210 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่องออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

PR9 "ซื้อ" Bloomberg Consensus 30 บาท อัพไซต์ 32%
"มุมมองบวกต่อแนวโน้มปี 68 คาดจะเติบโตดีตั้งแต่ 1Q68 เป็นต้นไป"

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

•งวด 4Q67 มีกำไร 207 ลบ. +10%Yo -1%QoQ ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยมีรายได้ 1,277 ลบ. +7%YoY +3%QoQ เติบโตดีทั้งกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) +6%YoY และผู้ป่วยใน (IPD) +9%YoY จากจำนวนผู้รับบริการและรายได้จากการรักษาต่อครั้งที่ปรับดีขึ้นจากความยากของโรค รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโตดี +52%YoY หลังจากบริษัทเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังในตะวันออกกลาง ส่งผลให้สัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติเร่งขึ้นสู่ 20% จากปีก่อนที่ระดับ 14% อย่างไรก็ตาม %EBITDA ปรับลดลงสู่ 23.3% (4Q66 = 24.9%, 3Q67 = 26%) จากการทำโปรโมชั่นกับกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น รวมถึงให้ส่วนลดบางหัตถการ ภาพรวมปี 67 มีรายได้และกำไรสุทธิ 4,691 ลบ. +10%YoY และ 713 ลบ. +28%YoY ตามลำดับ

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 68 โดย ผู้บริหารคาดรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งเห็นสัญญาณเติบโตดีตั้งแต่ 1Q68 จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่ยังเร่งขึ้น รวมทั้งโรคระบาดตอนต้นปี คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ทั้งผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้ U.rate ปรับดีขึ้นกว่าช่วง 4Q67 โดยกลยุทธ์ปีนี้ยังคล้ายกับปีที่ผ่านมา คือ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเป็นหลักทั้งผ่าน Agency และเดินทางไป Roadshow รวมถึงการเปิดให้บริการศูนย์ใหม่ คือ การผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งได้ทีมแพทย์มาแล้ว นอกจากนี้ ยังเตรียมขยาย Capacity เพิ่มจำนวนเตียงในตึกเก่าและใหม่อีก 40 เตียง ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 68 ราว 813 ลบ. +14%YoY และราคาเหมาะสม 30 บาท อัพไซต์ 32% แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) CENTEL (Bloomberg Consensus 4.40 บาท) ตั้งเป้ารายได้รวม 3.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจโรงแรม 1.5 หมื่นล้านบาท และธุรกิจร้านอาหาร 1.8 หมื่นล้านบาท มุ่งกลยุทธ์รักษาศักยภาพทำกำไรเป็นหลัก เตรียมเดินสายโรดโชว์ 14 ประเทศ เจาะนักท่องเที่ยวเป้าหมาย อัดฉีดงบกว่า 6.7 พันล้านบาท ลุยเปิด 9 โรงแรม ทั้งยังจัดงบเตรียมทำ M&A เสริมแกร่ง ธุรกิจอาหารอีกราว 500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASIAN (Bloomberg Consensus 310.00 บาท) อัดงบ 1,158 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิต ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 แตะ 11,362 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง 4.9% จากปีก่อน หลังผลงานปี 2567 กำไรสุทธิพุ่งแตะ 848 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 180.5% จากแรงหนุนของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ขยายตัวต่อเนื่อง บอร์ดมีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม 0.5603 บาทต่อหุ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EKH (Bloomberg Consensus 25.13 บาท) ผลงานปี 2567 กำไรสุทธิแตะ 306.46 ล้านบาท หลังผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) เข้ารับบริการเพิ่มต่อเนื่อง ด้านบอร์ดไฟเขียวอนุมัติจ่ายปันผลในอัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 มั่นใจธุรกิจ EKH เติบโตต่อเนื่องจากแผนการขยายการลงทุนด้านสุขภาพ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตกว่า 7% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SFLEX (ราคาเหมาะสม 3.60 บาท) แย้มอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจต้นน้ำ หวังหนุนการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกับลูกค้าได้อย่างหลากหลายตามเมกะเทรนด์ใหม่ๆ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 10% รับอานิสงส์อุตสาหกรรมอุปโภค-บริโภคขยายตัว จ่อรับรู้รายได้เต็มปีจากการลงทุนในเวียดนาม-บริษัทร่วมทุน เสริมฐานกำไรให้เติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว (ที่มา ทันหุ้น)