Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 6 May 2024

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 6 May 2024

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มย่อตัวลง หลังความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางปรับลดลง

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 78-88 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 6 May 2024

 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (6 - 10 พ.ค. 67) 

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มย่อตัวลง เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางลดลงเนื่องจากมีการเจรจา ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงแม้จะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนก็ตาม ขณะที่ FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป และยังมีความไม่แน่นอนว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับลดลงตามเป้าหมายหรือไม่ อีกทั้ง โครงการท่อส่งน้ำมัน Transmountain ของแคนาดาได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว นอกจากนี้ ความกังวลต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้กำลังการกลั่นของโรงกลั่นรัสเซียที่ถูกจู่โจมด้วยขีปนาวุธทางอากาศจากยูเครนเพิ่มสูงขึ้น

 


 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

-  ตลาดคลายความกังวลกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง เนื่องจากสหรัฐฯ และอียิปต์พยายามผลักดันให้มีการเจรจารอบใหม่ ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส แม้จะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนก็ตาม โดยล่าสุดอิสราเอลส่งคณะผู้แทนไปยังกรุงไคโรของอียิปต์ เพื่อเจรจากับกลุ่มฮามาสเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงเพื่อปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยังคงให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าโจมตีเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของกาซา ขณะเดียวกันตลาดจับตาการพิจารณาการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่านเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะทำให้การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านปรับลดลง จากปัจจุบันที่มีการส่งออกที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

-  ตลาดได้รับแรงกดดันจากนโยบายการปรับอัตราดอกเบี้ย FED เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 67 เนื่องจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25%-5.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ FED ยังคงไม่มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า FED อาจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

-  ตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มย่อตัวลงหลัง สำนักข่าว Reuters เผยโครงการเพิ่มความสามารถในการขนส่งน้ำมันดิบของท่อ Trans Mountain ประเทศแคนาดา จาก 0.3 เป็น 0.89 ล้านบาร์เรลต่อวัน สามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในวันที่ 1 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ท่อดังกล่าวลำเลียงน้ำมันดิบจากรัฐ Alberta สู่ชายฝั่งแปซิฟิกของประเทศแคนาดา โดยใช้เงินลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 


 

- ตลาดคลายความกังวลต่อการโจมตีระหว่างรัสเซีย และยูเครน หลังตัวเลขรายงานกำลังการผลิตของโรงกลั่นรัสเซียที่ถูกจู่โจมด้วยขีปนาวุธทางอากาศจากยูเครน เดือน เม.ย. 67 เพิ่มสูงขึ้น 13.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของเดือน มี.ค. 67 อย่างไรก็ดี ล่าสุด Platts รายงานเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่น Ryazan 0.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน ของบริษัท Rosneft รัสเซีย เนื่องจากถูกโดรนจากยูเครนโจมตี โดยกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ระบุว่า โดรนถูกยิงตกในหลายพื้นที่ทางใต้ของประเทศในช่วงกลางคืน โดยความเสียหายต่อโรงกลั่นยังคงไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้โรงกลั่น Ryazan เพิ่งกลับมาดำเนินการเต็มรูปแบบจากการโจมตีครั้งก่อนในวันที่ 13 มี.ค. 67

- ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขการว่างงานสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 67 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ตัวเลขนำเข้าเดือน เม.ย. 67 ตัวเลขการส่งออกเดือน เม.ย. 67 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน เม.ย. 67 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เดือน เม.ย. 67 และยอดขายปลีกเดือน มี.ค. 67 
 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (29 เม.ย. - 3 พ.ค. 67)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 5.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 78.11 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 6.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 82.96 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 84.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังคณะผู้แทนกลุ่มฮามาสได้เดินทางถึงกรุงไคโรเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อเข้าร่วมการเจรจากับอิสราเอล ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล นายอิสราเอล แคตส์ กล่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลจะระงับการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินโจมตีเมืองราฟาห์ หากอิสราเอลและกลุ่มฮามาสสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการเจรจาครั้งนี้ได้ นอกจากนี้ ตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบอินเดียเดือน มี.ค. 67 ลดลง 1.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสู่ระดับ 20.67 ล้านตัน ในขณะที่ ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 เม.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับที่ 460.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล