วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CHG - กำไรจะสูงเป็นประวัติการณ์ใน 3Q23

สนับสนุนจากอัตราการครองเตียงเพิ่มขึ้นเป็น 80% รายได้เพิ่มขึ้นจากรายได้เหมาจ่ายของ สปส. และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริการรักษา 5 โรค โดยรายได้จะเพิ่มขึ้น 25% ต่อราย ซึ่งจะทำให้กำไรธุรกิจหลักใน 9M เป็น 754 ล้านบาท ลดลง 70% yoy คิดเป็น 72% ของประมาณการปี FY23F ของเรา เราคงคำแนะนำ ถือ

 

ปรับประมาณการ 3Q23F เพิ่มขึ้น 26% เป็น 307 ลบ.

เราปรับประมาณการรายได้ขึ้น 4% เป็น 2 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปสูงกว่าคาด อัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ใน 3Q23F จาก 59% ใน2Q23F สนับสนุนจากจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรค RSV และ มือเท้าปากที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแพร่กระจายเร็ว (ตั้งแต่ปลาย 2Q23F) และเป็นระยะเวลานานกว่าปกติ นอกจากนี้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 90 ล้านบาท เทียบกับปกติ 60 ล้านบาท/ไตรมาส เราปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 3.0% เป็น 27% เนื่องจากรายได้ผู้ป่วยในมากกว่าคาด ซึ่งที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า ซึ่งจะทำให้กำไรธุรกิจหลักใน 9M23 อยู่ที่ 754 ล้านบาท ลดลง 70% yoy คิดเป็น 72% ของประมาณการปี FY23F ของเรา CHG จะประกาศผลการดำเนินงานวันที่ 15 พฤศจิกายน

 

 

 

กำไรจะเพิ่มขึ้น 19% yoy …

เนื่องจาก 2Q23F มีค่าใช้จ่ายพิเศษหลายรายการ (i) ค่าใช้จ่ายภาษีนิติบุคคลบันทึกเกิน (26 ล้านบาท) เนื่องจากต้นทุนวัคซีน Moderna ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้เว้นแต่จะถูกทำลายซึ่งเกิดขึ้นใน 4Q23F; (ii) 80 ล้านบาทรายจ่ายโบนัสพิเศษ; และ (iii) ด้อยค่าสินค้าคงคลัง (59 ล้านบาท)

 

… และเติบโตก้าวกระโดด 49% qoq

โดยมีสมมติฐานดังนี้ (i) อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 80% ใน 3Q23 จาก 59% ใน2Q23เนื่องจากการแพร่ระบาดตามฤดูกาลที่สูงขึ้น; (ii) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.8% เป็น 27% เนื่องจากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากรายได้เหมาจ่ายของ SSO (เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม) และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการของ SSO สำหรับโรค 5 โรค ซึ่งรายได้จะเพิ่มขึ้น 25% ต่อเคส (จาก 12,000/1 RW เป็น 15,000 บาท/1 RW) รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจากผู้ป่วยในที่สูงกว่าผู้ป่วยนอก