กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ พัฒนาการของการเมืองไทย หนุนจิตวิทยาตลาดหุ้น

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ พัฒนาการของการเมืองไทย หนุนจิตวิทยาตลาดหุ้น

ความคาดหวังด้านบวกทางการเมืองจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทย outperform หุ้นเอเชียได้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (15-18 สิงหาคม) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแบบ sideways down ซึ่งอ่อนแอกว่าที่เรา คาดเอาไว้

ถึงแม้ว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะพลิกมาเป็นบวกมากขึ้น จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีคำสั่งให้เลื่อนการลงมติเลือกนายกออกไปอีก แต่ความคาดหวังด้านบวกต่อสถานการณ์ทางการเมืองก็หักกลับไปกับปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่น ท่าทีที่ค่อนข้าง hawkish จากรายงานการประชุม FOMC ของสหรัฐ, ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอเกินคาด และกระแสข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการที่บริษัท Evergrande ยื่นล้มละลายต่อศาลสหรัฐ

สำหรับในสัปดาห์นี้ (21-25 สิงหาคม) ดัชนี SET น่าจะแกว่งขึ้นได้ (sideways up) เพราะเรามองว่าประเทศไทยน่าจะได้ตัวนายกคนใหม่จากการลงมติในสภาสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนว่าวุฒิสมาชิกจะสนับสนุนให้คุณเศรษฐา ทวีสินซึ่งเป็นเป็นผู้ที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อขึ้นมาได้ขึ้นเป็นนายกหรือไม่ แต่เหากวุฒิสภาไม่ออกเสียงสนับสนุน เรามองว่าจะมีการเปลี่ยนไปเสนอชื่อผู้สมัครจากพรรคอื่นทันที ซึ่งจะทำให้ผลกระทบต่อตลาดอยู่ในเชิงกลางๆ แม้ว่าสุดท้ายจะได้นายกฯ เป็นท่านอื่นสำหรับปัจจัยภายนอก เรามองว่าการประชุม symposium ประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole จะเป็นตัวกำหนดท่าทีนโยบายการเงินของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และ ดัชนี US Dollar Index ตามไปด้วย

 

 

ติดตาม symposium ประจำปีของ Fed, ตัวเลข GDP ของไทย และการลงมติในสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี

ปัจจัยต่างประเทศ: ในการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐ นักลงทุนควรติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น อย่างเช่น ยอดขายบ้านมือสองเดือนกรกฎาคม (22 สิงหาคม), flash PMIs เดือนสิงหาคม (23 สิงหาคม) และการประชุม symposium ประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole ในวันที่ 24-25 สิงหาคม, รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ขยับสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีของ Fed ที่ออกไปในทาง hawkish เล็กน้อย และ การที่ Fitch ออกมาเตือนว่าอาจมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารในสหรัฐ ทั้งนี้ ถ้าหากนาย Jerome Powell ประธาน Fed แสดงท่าทีที่ hawkish มากขึ้นในงาน symposium อาจจะให้ฉุดภาวะสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกแย่ลงอีก

ปัจจัยภายในประเทศ: นักลงทุนควรติดตามตัวเลข GDP 2Q66 ของไทยที่จะประกาศออกมาในวันนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่า GDP ใน 2Q66 จะขยายตัว 2.4% YoY ในขณะที่ Bloomberg consensus มองบวกกว่าเราเล็กน้อยที่ 3.0% YoY จากที่ขยายตัว 2.7% YoY ใน 1Q66 ในขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดมากที่สุดในสัปดาห์นี้ โดยในวันที่ 22 สิงหาคม รัฐสภาจะลงมติเลือกนายกอีกครั้ง และมีความเป็นไปได้สูงที่อดีตนายกทักษิณ ชินวัตรจะกลับเข้าประเทศไทยในวันนั้น

 

 

คงคำแนะนำให้หาจังหวะเข้าสะสมหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่รัฐบาลใหม่น่าจะประกาศออกมา

เรามองว่าการเมืองไทยน่าจะเดินหน้าต่อได้ และอาจจะมีการตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากกว่าความผันผวนในตลาดโลก เราจึงแนะนำให้นักลงทุนฉวยโอกาสซื้อหุ้นไทย โดยธีมหุ้นที่เราชอบได้แก่ i) หุ้นที่อ่อนไหวกับนโยบายของรัฐบาล อย่างเช่น GULF* และ STEC* ii) หุ้นโรงกลั่นที่กำลังได้อานิสงส์จาก GRM ที่ขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดของวัฏจักรรอบนี้ อย่างเช่น TOP* และ iii) หุ้นการบริโภคที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อย่างเช่น CPALL*, CRC* และ CPN*