Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

การบริโภคในหมวด “สินค้าจำเป็น” ฟื้นตัวดีขึ้น แต่อุปสงค์ “สินค้าฟุ่มเฟือย” อาจเผชิญความท้าทายจากฐานที่สูงในปีที่แล้ว

จากข้อมูลที่เกี่ยวข้องล่าสุด เราพบว่าการบริโภคในหมวด “สินค้าจำเป็น” ฟื้นตัวดีขึ้น โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 61.2 (Figure 1) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เก้า ในขณะเดียวกัน KGI มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 28 ล้านคนในปี 2566F และเป็น 38 ล้านคนในปี 2567F (Figure 3) ในทางกลับกัน อุปสงค์“สินค้าฟุ่มเฟือย” อาจจะเผชิญกับความท้าทายจากฐานที่สูงของรายได้ภาคเกษตรในปีที่แล้ว ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรรายงานว่ารายได้ภาคเกษตรในเดือนมกราคม 2566 เพิ่มขึ้น 4% YoY ซึ่งเป็นการเพิ่มในอัตราที่ชะลอลงหลังจากที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ที่ 22% YoY (Figure 6)

 

Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

ต้องจับตาดูด้านต้นทุน

ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้แก่ค่าจ้างแรงงาน และค่าสาธารณูปโภคจะทำให้อัตรากำไรลดลง โดยเฉพาะในหมวดสินค้าจำเป็น ซึ่งเราพบว่ากำไรของ C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)* และ Siam Makro (MAKRO.BK/MAKRO TB) จะลดลงมากที่สุดในกลุ่ม ทั้งนี้จากการศึกษาของเราพบว่าหากค่าจ้างแรงงาน และค่าสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 5% กำไรของ CPALL จะลดลง 13.3% และ 3.8% ตามลำดับในขณะที่ของ MAKRO จะลดลง 8% และ 3.4% ตามลำดับ (Figure 10 และ Figure 12) แต่ในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย เราคาดว่าอัตรากำไรน่าจะกลับสู่ระดับปกติเนื่องจากราคาเหล็กทรงตัวแล้ว โดยราคาเหล็ก และดัชนีเหล็ก ปรับลดลงมาแล้วประมาณ 8% จากระดับสูงสุดใน 2Q65 แต่ยังสูงกว่าระดับใน 1Q64 อยู่ 15%ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ราคาเหล็กจะพุ่งขึ้นไป ทั้งนี้ ยอดขายเหล็กคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวมของ Dohome (DOHOME.BK/DOHOME TB) และคิดเป็นประมาณ 20% ของยอดขายรวมของ Siam Global House (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)

Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

Commerce Sector รอดูสถานการณ์ไปก่อน (29 มี.ค. 66)

กำหนด PERs ของหุ้นในกลุ่มแตกต่างกันไป

สำหรับกลุ่มสินค้าจำเป็น เราประเมินราคาเป้าหมายของ CPALL และ MAKRO โดยใช้ PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง MAKRO และ CPALL +1.0 S.D.) เพื่อสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรที่คล้าย ๆ กัน โดยคาดว่ากำไรของ CPALL จะฟื้นตัวขึ้น 29% และของ MAKRO จะฟื้นตัวขึ้น 64%หลังจากที่ COVID-19 ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เราประเมินราคาเป้าหมายของ HMPRO โดยใช้ PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง GLOBAL และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* +1.0 S.D.) เนื่องจากคาดว่ากำไรจะโตในระดับปานกลางที่ 14% YoY ซึ่ง
คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่เราประเมินรคาเป้าหมายของ GLOBAL โดยใช้ PER ที่ 31.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง GLOBAL และ HMPRO) เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2566F และ แนวโน้มกำไรที่ผันผวนน้อยกว่าเนื่องจากสัดส่วนยอดขายเหล็กต่อยอดขายรวมน้อยกว่า (ที่15-20% ในขณะที่ของ DOHOME อยู่ที่ 25-30%) เราประเมินราคาเป้าหมายของ DOHOME โดยใช้ PER ที่ 29.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง GLOBAL และ HMPRO -0.5 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ margin จะถูกบีบ และกำไรจะผันผวนตามราคาเหล็ก และแนวโน้มกำไรที่ด้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มในปี 2566F (คาดว่าจะยังไม่กลับไปเท่ากับระดับกำไรเมื่อปี 2564)

 

Valuation & action

จากความกังวลทางด้านต้นทุน เราจึงปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่ม Commerce จาก มากกว่าตลาด เป็น เท่ากับตลาด และ แนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ไปก่อน เราแนะนำ “ถือ” CPALL โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 67 บาท และแนะนำ “ถือ” MAKRO โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 42 บาท เราแนะนำ “ซื้อ” HMPRO โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 18.50 บาท และแนะนำ “ซื้อ” GLOBAL โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 24.40 บาท แต่แนะนำ “ขาย” DOHOME โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 11 บาท

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ถูก disrupt จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้, การหาทำเลเปิดสาขา