ทองพุ่งดัน ‘บาทแข็ง’ นำภูมิภาค จ่อหลุด 31 บาทต่อดอลลาร์ ธปท.หารือ 14 ผู้ค้าทองเข้ม

ทองพุ่งดัน ‘บาทแข็ง’ นำภูมิภาค จ่อหลุด 31 บาทต่อดอลลาร์  ธปท.หารือ 14 ผู้ค้าทองเข้ม

เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง หลุด 31.30 บาทต่อดอลลาร์ แตะ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 3% นำโด่ง “ภูมิภาค” นับตั้งแต่สิ้น พ.ย. “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย-ไทยพาณิชย์” ชี้ปัจจัยหนุนทองคำนิวไฮ สวนปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ ยากจะเห็นอ่อนค่าเร็ววัน ธปท.เรียก 14 ยักษ์ค้าทองหารือเข้ม ปรับธุรกิจตามนโยบายใหม่ “รายงานเข้ม” ด้านสมาคมค้าทองคำ รอผลหารือพร้อมประเมินสถานการณ์

ทองพุ่งดัน ‘บาทแข็ง’ นำภูมิภาค จ่อหลุด 31 บาทต่อดอลลาร์  ธปท.หารือ 14 ผู้ค้าทองเข้ม ความเคลื่อนไหวของ “อัตราแลกเปลี่ยน” หรือ ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตลอดเดือน ธ.ค.และเริ่มเห็นการแข็งค่ามากขึ้นช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด “ค่าเงินบาท” วันที่ 22 ธ.ค.2568 แข็งค่าสุดที่ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ เป็นการแข็งค่าสุดรอบกว่า 4 ปีครึ่ง 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ค่าเงินบาทที่ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ หรือเป็นการแข็งค่าต่อเนื่อง หากเทียบกับท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) โดย 1 วัน เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้ว 0.9% จากศุกร์ที่ผ่านมาที่อยู่ที่ระดับ 31.46 บาทต่อดอลลาร์ 

รวมทั้งหากเทียบค่าเงินในภูมิภาค พบว่าเงินบาทแข็งค่านำภูมิภาค อยู่ที่อันดับ 1 โดยแข็งค่าขึ้น 3.0% นับตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ย.​ถึงวันที่ 22 ธ.ค.2568 จากระดับ 32.20 บาทต่อดอลลาร์

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัดกล่าวว่า ค่าเงินบาทถือว่าแข็งค่าค่อนข้างมาก มาอยู่ที่ระดับแข็งค่าสุดของวันที่ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับที่แข็งค่ามากในช่วงเวลาอันสั้น

สะท้อนความผันผวนที่สูงมากของตลาด โดยยังเป็นการแข็งค่าครั้งนี้ถือเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่ง

โดยปัจจัยหลักที่หนุนค่าเงินบาท ทั้งจากราคาทองคำในตลาดโลก ที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ All-Time High ซึ่งผลโดยตรงต่อค่าเงินบาท เนื่องจากกระแสเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับการค้าทองคำ ทำให้เงินบาทได้รับแรงหนุนให้แข็งค่าตามไป แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ได้สนับสนุนการแข็งค่าในระดับนี้มากนัก

นอกจากนี้ ยังแข็งค่าตามค่าเงินในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นพร้อมกัน ทั้งนี้ยังมาจากการแข็งค่ากลับมาของเงินเยน หลังจากที่เงินเยนอ่อนค่าเร็วมากในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหน้าหลังทางการญี่ปุ่นได้มีการส่งสัญญาณเตือนหรือการแทรกแซงด้วยวาจาทำให้เงินเยนกลับมาแข็งค่า

“วานนี้เงินบาทแข็งค่ามาก ส่วนหนึ่งอาจมาจากเงินบาทหลุดแนวรับสำคัญ ๆ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อ จากก่อนหน้าที่แนวรับอยู่ที่ 31.40-31.30 บาทต่อดอลลาร์ จนล่าสุดมาอยู่ที่ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้มองว่าเงินบาทอาจต้องปรับลงไปทดสอบระดับที่ต่ำลงอีก โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 31.15 บาทต่อดอลลาร์”

ทั้งนี้ มองว่าค่าเงินบาทไม่ควรจะแข็งค่าต่อไปมากกว่านี้แล้ว เนื่องจากตลอดหลายสัปดาห์ของเดือนนี้ เงินบาทแข็งค่ามาอย่างต่อเนื่อง และถือว่าแข็งค่ามาไกลพอสมควรแล้ว เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เอื้อให้เงินบาทแข็งค่า

  • บาทแข็งยาวหลังราคาทองนิวไฮต่อ

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส SCB Financial Markets (SCB FM) กล่าวว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทอยู่ในช่วงแข็งค่าอย่างรวดเร็วและโดดเด่นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค โดยหากเทียบกับวันที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าแล้ว 1%

ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนเงินบาทแข็งค่า หลัก ๆ มองว่ามาจากราคาทองคำ ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง (New High) จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น ทั้งการที่สหรัฐอาจดำเนินการปิดกั้นการส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา หรือที่มีข่าวว่ายูเครนเข้าไปโจมตีรัสเซีย 

สำหรับปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น และผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งมีความสำคัญต่อค่าเงินบาท เนื่องจากเงินบาทมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำในระดับที่สูงมาก เมื่อราคาทองคำปรับขึ้น จึงกลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้เงินบาทแข็งค่าตามไปด้วยอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ พบว่าการที่เงินบาทแข็งค่าไม่ได้มาจากกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (Flow) หรือพฤติกรรมการเก็งกำไรค่าเงินบาท ที่ไม่พบสัญญาณการเข้าซื้อพันธบัตรไทยระยะสั้น ที่มักเป็นช่องทางหลักของการเก็งกำไรค่าเงิน ตรงกันข้าม กลับพบว่ามีเงินไหลออกเล็กน้อยด้วยซ้ำ

  • แนะภาครัฐเพิ่มบทบาทดูแลค่าเงิน

นอกจากนี้ การเข้ามาดูแลเงินบาททางการ อาจต้องมีบทบาทมากขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจทำได้หลายแนวทางทั้ง แทรกแซงตลาดด้วยการซื้อดอลลาร์ เพื่อชะลอไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป 
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แรงเข้ามารับซื้อดอลลาร์ของ ธปท.ดูไม่หนาแน่นมากนัก เมื่อเงินบาทแข็งค่าทะลุแนวรับสำคัญ จึงเกิดการไหลลงต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ประกอบกับสภาพคล่องในตลาดที่อาจบางลงในช่วงปลายปี

สำหรับ ประเด็นมาตรการควบคุมธุรกรรมทองคำ ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และยังไม่ส่งผลในเชิงรูปธรรม ธปท.เพียงขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์รายงานข้อมูลธุรกรรมซื้อขายทองคำ และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ซึ่งยังอยู่ในขั้นของการสังเกตการณ์และศึกษาข้อมูลเท่านั้น

ดังนั้น หาก ธปท.ต้องการดูแลค่าเงินบาทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต้องสื่อสาร โดยการแทรกแซงด้วยวาจา เช่นเดียวกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ที่ประกาศชัดว่าพร้อมเข้าดูแล หากค่าเงินผันผวนรุนแรงในระยะเวลาอันสั้น 

  • เสนอใช้นโยบายการเงิน“ผ่อนคลาย”

นอกจากนี้ยังสามารถทำได้ผ่านนโยบายการเงิน โดยการสื่อสารของ กนง.ที่ผ่านมา สะท้อนว่านโยบายการเงินอยู่ในระดับเป็นกลาง หรือ Neutral ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลง หากต้องการให้เงินบาทอ่อนค่ามากขึ้น นโยบายควรมีลักษณะผ่อนคลาย (Dovish) มากกว่านี้

สำหรับ ทิศทางเงินบาทในระยะข้างหน้า เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันด้านการแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มราคาทองคำที่ยังอยู่ในระดับสูง ดีมานด์ทองคำปลายปีมาจากทั้งการซื้อของธนาคารกลาง และความต้องการในภาคเครื่องประดับ ความเสี่ยงด้านสงครามและภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ

โดยมองกรอบค่าเงินบาทคาดว่าจะอยู่ที่ 31.0-31.5 บาทต่อดอลลาร์ แต่ยังมองว่าโอกาสที่เงินบาทจะหลุดระดับ 31.0 บาท ต้องอาศัยการพุ่งขึ้นของราคาทองคำที่แรงกว่านี้มาก และต้องมีปัจจัยดอลลาร์อ่อนค่าเข้ามาเสริม ซึ่งยังไม่ใช่กรณีฐานในขณะนี้

ต้นปี เรามองว่าแรงกดดันด้านการแข็งค่าจะเริ่มลดลง ปัจจัยฤดูกาลซึ่งมีความแม่นยำราว 70% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ชี้ว่า ดอลลาร์มักอ่อนค่าในเดือน ธ.ค.แต่จะกลับมาแข็งค่าใน ม.ค.ขณะที่เงินบาทจะรีบาวด์อ่อนค่าลง โดยยังไม่มองว่าเงินบาทจะกลับไปอ่อนค่าระดับ 32-33 บาทในเร็ววัน” นายวชิรวัฒน์ กล่าว

  • สมาคมค้าทองคำ” รอสรุปประชุม

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เชิญผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านการนำเข้าและส่งออกทองคำออนไลน์จำนวน 14 ราย เข้าร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายใหม่ที่กำหนดให้ต้องจัดทำรายงานรายละเอียดการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก ธปท. เปิดเผยว่า จากการประชุมกับผู้ค้าทองวานนี้เป็นการชี้แจงสมาคมผู้ค้าทองเกี่ยวกับแนวทางการรายงานข้อมูล ที่กำหนดให้ผู้ซื้อขายทองคำที่เข้าเกณฑ์ต้องรายงานธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายทองคำต่อ ธปท.เพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางลดผลกระทบของการซื้อขายทองคำต่อค่าเงิน โดยทางสมาคมฯ รับไปหารือและจะรีบกลับมาแจ้งแก่ ธปท. หากมีข้อจำกัดใด ภายในสัปดาห์นี้

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ยังอยู่ระหว่างรอผลสรุปการประชุมดังกล่าว จากสมาชิกผู้ค้าทอง 14 รายเข้าร่วมว่า การรายงานข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ ธปท.ตามข้อกำหนดใหม่นั้น จะต้องจัดทำตามข้อกำหนดใหม่และรายงานอะไรกันบ้าง รวมถึงจะมีข้อเสนอแนะและข้อหารืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอะไรอีกบ้างหรือไม่

“สมาคมฯ ต้องรอสมาชิกรายงานผลหารือกับ ธปท.ก่อน เพื่อใช้ประกอบการประเมินสถานการณ์ธุรกิจค้าทองต่อไป” นายจิตติ กล่าว

แหล่งข่าวในวงการผู้ค้าทองคำ กล่าวว่า ธปท.ยังคงเน้นย้ำว่าการหารือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใสและเสถียรภาพในระบบการเงิน โดยเฉพาะธุรกิจทองคำออนไลน์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงและเชื่อมโยงกับตลาดโลก ซึ่งการจัดทำรายงานอย่างละเอียดจะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและประเมินความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ทองโลก’ ทุบสถิติใหม่ 4,400 ดอลลาร์

ราคาทองคำโลกพุ่งทะลุ 4,400 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรก ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ จากแรงคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยต่อ และปัจจัยการเมืองโลก ขณะที่ ‘แร่เงิน-ทองแดง’ พุ่งทุบสถิติใหม่เช่นกัน

เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธ.ค.ราคาทองคำโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ทะลุระดับ 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก

จากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าสหรัฐยังเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม และปัจจัยความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่แข็งแกร่ง กรณีสหรัฐเพิ่มความเข้มข้นการปิดล้อมด้านน้ำมันต่อเวเนซุเอลา

ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot gold) ปรับตัวขึ้น 1.7% อยู่ที่ 4,413.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 16.55 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐงวดส่งมอบเดือน ก.พ.2569 ปรับขึ้น 1.26% ไปอยู่ที่ 4,442.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วเกือบ 68% นับตั้งแต่ต้นปี ทำสถิติใหม่มาหลายครั้งปีนี้ ทั้งทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ และ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก และกำลังมุ่งหน้าสู่การปรับราคาขึ้นรายปีที่สูงที่สุดในรอบ 46 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา

แมตต์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์อาวุโสจาก StoneX กล่าวว่า เดือนธันวาคม มักให้ผลตอบแทนเชิงบวกสำหรับทองคำ และเงิน โดยปัจจัยฤดูกาลยังเป็นแรงหนุน อย่างไรก็ดี หลังจากราคาทองคำปรับขึ้นแล้วราว 4% ในเดือน ธ.ค.นี้ และใกล้เข้าสู่ช่วงปลายปี

นักลงทุนฝั่งขาขึ้นอาจต้องระวังมากขึ้น เนื่องจากปริมาณการซื้อขายมีแนวโน้มลดลง และความเสี่ยงของแรงขายทำกำไรก็มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น
หวัง เต่า นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Reuters ระบุว่า ราคาทองคำสปอตอาจขยับขึ้นต่อไปที่ระดับ 4,427 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากทะลุแนวต้านสำคัญที่ 4,375 ดอลลาร์

  • ธปท.ชี้กรอบเงินเฟ้อปีหน้า1-3%

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า เป้าหมายนโยบายการเงิน หรือ กรอบเงินเฟ้อในปี 2569 จะใช้กรอบ 1-3% เหมือนกับในปี 2568 โดย ธปท.ได้หารือกับกระทรวงการคลังแล้ว โดยขั้นตอนต่อจากนี้กระทรวงการคลังจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปี 2568

นายวิทัย กล่าวว่า ในปี 2569 แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่เกิดภาวะเงินฝืดในปีหน้า โดย ธปท.จะพยายามทำให้เงินเฟ้อกลับเข้ามาอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตามในปี 2569 ยังมีความผันผวนจากราคาน้ำมัน แต่คาดว่าเงินเฟ้อจะกลับเข้ากรอบได้ปี 2570