ATP30 ประมาณกำไรใหม่ปี 66 เติบโต 37%YoY

ATP30 ประมาณกำไรใหม่ปี 66  เติบโต 37%YoY

คาดผลประกอบการงวด 4Q65F เพิ่มขึ้น 25%QoQ แต่ลดลง 47%YoY : ปลายงวด 3Q65 บริษัทมีจำนวนรถโดยสารที่ให้บริการ 664 คันและมีสัญญาที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้อีกจำนวน 1,342 ล้านบาท

สำหรับงวด 4Q65 เราคาดรายได้จากการให้บริการราว 166 ล้านบาทใกล้เคียงกับ 3Q65 ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า  เราจึงใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 16.2% เพิ่มขึ้นจากระดับ 15.3% ใน 3Q65  ส่งผลให้คาดการณ์กำไรอยู่ที่ราว 6.9 ล้านบาท ปรับดีขึ้น 25% จากงวด 3Q65 ที่มีกำไรต่ำสุดรายไตรมาสในปี 65 เนื่องจากบริษัทนำรถโดยสารที่ใช้แล้ว 26 คันมาปรับปรุงสภาพก่อนต่อสัญญาและการบันทึกค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของนักขับที่เกษียณอายุตามสวัสดิกา (รวมเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 6 ล้านบาท) ทั้งนี้คาดการณ์กำไร 4Q65 ลดลง 47%YoY จากฐานสูง 13 ล้านบาทในงวด 4Q64 ที่มีกำไรสูงสุดรายไตรมาสในปี 64

-  ปรับประมาณการกำไรปี 65 ลดลง 29% : กำไรในงวด 9M65 เท่ากับ 29.8 ล้านบาท แม้เพิ่มขึ้น 25%YoY แต่คิดเป็น 58% ของประมาณการทั้งปี 65 เดิมที่ 52 ล้านบาท ทั้งนี้การจับมือกับพันธมิตร TTTH ช่วยสนับสนุนลูกค้ารายใหม่และสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายประกอบกับไฮซีซั่นในช่วงปลายปีทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 8% เป็น 644 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 31%YoY แต่ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจากเดิม 23% เหลือ 18.3% คาดการณ์กำไรใหม่ปี 65 ลดลง 29% เหลือ 37 ล้านบาทซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 64
 

 

 

-  ประมาณการกำไรปี 66 ใหม่ที่ลดลงจากเดิมเติบโต 37%YoY : ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายทำให้คาดการณ์รายได้จากการให้บริการในปี 66 เติบโตราว 10%YoY เป็น 710 ล้านบาท การปรับกลยุทธ์ในการบริหารต้นทุนและการทำรถไฟฟ้า (EV) มาให้บริการ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสปรับดีขึ้นจากปี 65 ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 20% คาดการณ์กำไรปี 66 พลิกเติบโตโตราว 37% สู่ระดับ 50 ล้านบาทซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR)  3 ปี (2564-2564) ราว 17% ต่อปี

-  คงคำแนะนำ“ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 2.22 บาท :  ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว  ในการประเมินราคาเหมาะสมซึ่งอิง Prospect PER ที่ระดับ 30 เท่า (ค่าเฉลี่ย 4 ปี) ลดลงจากเดิมที่ระดับ 35 เท่า โดยประมาณกำไรต่อหุ้นในปี 66 ได้เท่ากับ 0.074 บาท คำนวณราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 2.22 บาท  ซึ่งยังมีอัพไซต์จากราคาปิดล่าสุด  จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

 


 

ปัจจัยเสี่ยง : 

1 ลูกค้าเก่าไม่ต่อสัญญาใช้บริการ  
2. บริษัทจัดหารถให้บริการไม่ทันตามกำหนดเวลา 
3. ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มสูงขึ้น 
4. การระบาดของโควิด-19 ระลลอกใหม่