ดัชนีแนสแด็กดิ่ง 1.8% S&P 500 ร่วงต่อเนื่องสี่วัน วิตกหุ้นเอไอ

ดัชนี S&P 500 ร่วงต่อเนื่องสี่วัน แนสแด็กดิ่ง 1.8% เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังหุ้น Oracle ถูกเทขาย นักลงทุนหวั่นผลตอบแทนจากการลงทุนมหาศาลในเอไอไม่เป็นไปดังคาด
ซีเอ็นบีซี รายงาน หุ้นสหรัฐ ปิดลดลงในวันพุธ (17 ธ.ค.68) ขณะที่นักลงทุนยังคงโยกเงินออกจากหุ้นหลักในกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ เอไอ (AI) หลังมีรายงานว่านักลงทุนรายใหญ่ของ Oracle ถอนตัวออกจากหนึ่งในโครงการศูนย์ข้อมูลของบริษัท
- ดัชนี S&P 500 ร่วง 1.16% แตะ 6,721.43 จุด
- แนสแด็ก Nasdaq Composite ดิ่งลง 1.81% ปิดที่ 22,693.32 จุด
- ดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 228.29 จุด หรือ 0.47% มาปิดที่ 47,885.97 จุด
หุ้น Oracle ซึ่งเคยเป็นขวัญใจธีมเอไอ ร่วง 5.4% หลังสื่อใหญ่ไฟแนลเชียลไทมส์ รายงานว่า Blue Owl Capital ถอนแผนการจัดหาเงินทุนให้โครงการศูนย์ข้อมูลในมิชิแกนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทคลาวด์รายนี้ โดยแหล่งข่าวระบุถึงความกังวลเรื่องระดับหนี้และการใช้จ่ายของ Oracle อย่างไรก็ดี ภายหลัง Oracle ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าว และยืนยันว่าโครงการยังเดินหน้าต่อไป
โครงสร้างการจัดหาเงินทุน ที่มีความเสี่ยงซึ่งเชื่อมโยงกับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลของหลายบริษัท ทำให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การจับจ้องไปที่ Oracle ในครั้งนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ก่อน บริษัทเพิ่งปฏิเสธรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ที่ระบุว่า Oracle เลื่อนบางโครงการสำหรับ OpenAI ไปถึงปี 2028
หุ้นอื่นที่เกี่ยวข้องกับธีมเอไอ ก็ถูกขายตามในวันพุธ ผู้ผลิตชิป Broadcom ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกขายจากการโยกเม็ดเงินลงทุนออกจากกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนัก ร่วงมากกว่า 4% Nvidia ลดลงเกือบ 4% ขณะที่ Advanced Micro Devices (AMD) ร่วงมากกว่า 5% และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ลดลงมากกว่า 3% “ตอนนี้เราเห็นการโยกย้ายเงินลงทุนค่อนข้างชัด จากหุ้นเติบโตขนาดใหญ่ ไปสู่หุ้นเน้นคุณค่าขนาดใหญ่ และสิ่งที่เราเห็นจริง ๆ คือผู้คนเริ่มจัดพอร์ตเพื่อป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า” ไบรอัน มัลเบอร์รี ผู้จัดการพอร์ตลูกค้าจาก Zacks Investment Management กล่าว “คำถามสำคัญที่ทุกคนกำลังถามคือ ‘สุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนทำเงินจากการลงทุนก้อนมหาศาลในเอไอ เหล่านี้?’”
คาดเงินยังไหลออกหุ้นเอไอไปสู่หุ้นราคาต่ำกว่า
Oracle และ Broadcom รวมถึงหุ้นชื่อดังอื่น ๆ ในธีมเอไอ ต่างเผชิญภาวะราคาร่วงลงอย่างหนักในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่นักลงทุนย้ายเงินไปยังหุ้นเน้นคุณค่า เช่น กลุ่มการเงิน นับตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน หุ้น Oracle และ Broadcom ร่วงลงมากกว่า 11% และราว 19% ตามลำดับ ขณะที่กองทุนอีทีเอฟ State Street Technology Select Sector SPDR (XLK) ลดลง 2.6% ในเดือนนี้
มัลเบอร์รีคาดว่า การหมุนเงินออกจากหุ้นที่มูลค่าสูงมาก ไปยัง “กลุ่มที่มูลค่าสมเหตุสมผลมากกว่า” จะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2026 เขามองว่าแนวโน้มนี้ ประกอบกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงิน อาจทำให้ตลาดผันผวน
“จากนี้ไป การดูปัจจัยย่อย ๆ บางอย่างเพื่อตัดสินว่า เมื่อไหร่ และ ตรงไหน ที่จุดเปลี่ยนให้เอไอ เริ่มทำกำไรได้จริงจะเกิดขึ้นนั้นสำคัญมาก และหนึ่งในนั้นก็คือกระแสเงินสดอิสระ งบแสดงฐานะการเงินคุณแต่งตัวได้ แต่คุณปลอมกระแสเงินสดอิสระไม่ได้” เขากล่าว
“ตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตลาด ได้กลายมาเป็นความเสี่ยงสูงสุดของตลาดไปแล้ว”
วันพุธเป็นวันที่ ดัชนี S&P 500 และ ดัชนีดาวโจนส์ ของหุ้น 30 หุ้น ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่สี่
ดัชนีชี้วัดหลักทั้งสองร่วงลงในวันอังคาร หลังสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) เผยแพร่รายงานการจ้างงานเดือนพฤศจิกายน ซึ่งรวมข้อมูลของเดือนตุลาคมไว้ด้วย รายงานดังกล่าวช่วยเปิดม่านให้เห็นถึงสุขภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเกิดปัญหาข้อมูลของหน่วยงานรัฐบาลสะสมค้างจากเหตุปิดหน่วยงานรัฐในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้







