จีน เรียกร้อง COP30 แก้กีดกันการค้า ขาดแคลนเงินทุน โลกต้องร่วมมือแทนแข่งขัน

'กรุงเทพธุรกิจ' เกาะติดสถานการณ์การประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 30 (COP30) ก่อนที่งานจะเริ่มอย่างเป็นทางการ ผู้นำประเทศและตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศหลายร้อยคนได้รวมตัวกันใน “Belém Climate Summit” การประชุมสุดยอดผู้นำโลก หารือถึงความท้าทายและพันธกรณีเร่งด่วนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมเตรียมแนวทางสำคัญสำหรับการประชุมใหญ่

โดย นายติง เสวี่ยเสียง รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นำสารจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มาสู่เวทีประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศเบเลง โดยระบุว่า ปีนี้เป็นปีที่ข้อตกลงปารีสครบรอบ 10 ปี แล้ว ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติเรื่องสภาพภูมิอากาศ จีนก็ทำได้ดีมากในการเดินหน้าตามแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตัวเองตั้งไว้สำหรับปี 2030 ทั้งยังทำเป้าหมายเรื่องกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ได้เร็วกว่าที่คาดไว้

จีนเปิดตัว NDC ปี 2035

รองนายกรัฐมนตรีติง ได้เน้นย้ำถึงคำประกาศสำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อวันที่ 24 กันยายน ในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ ที่จีนได้ประกาศแผนการมีส่วนร่วมของประเทศสำหรับปี 2035 แผนนี้ครอบคลุมทุกภาคเศรษฐกิจและก๊าซเรือนกระจกทุกประเภท ที่สำคัญคือครั้งแรกที่จีนตั้งเป้าจะลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเด็ดขาด แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงและความพยายามอย่างเต็มที่ของจีน

นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ ที่ประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ได้อนุมัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า แผนนี้เน้นการสร้าง “ประเทศจีนที่สวยงาม” (Beautiful China) โดยมุ่งเน้นการใช้เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสูงสุดและคาร์บอนเป็นกลางเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก พร้อมกับส่งเสริมการลดมลพิษ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน จีนจะเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในทุกด้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคาร์บอนสูงสุดและคาร์บอนเป็นกลาง รวมถึงเพิ่มบทบาทในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังขึ้น

3 ข้อเสนอ ขับเคลื่อนโลก

รองนายกรัฐมนตรีติง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มนุษยชาติกำลังยืนอยู่บนทางแยกใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในพหุภาคีที่แท้จริง เสริมสร้างความเป็นเอกภาพและความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศโลก และได้เสนอคำแนะนำ 3 ข้อ ดังนี้ 

• การยึดมั่นในทิศทางที่ถูกต้อง: การเปลี่ยนแปลงสู่สีเขียวและคาร์บอนต่ำถือเป็นกระแสแห่งยุคสมัย ต้องประสานงานอย่างหนักแน่นระหว่างการปกป้องสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างงาน การขจัดความยากจน และส่งเสริมการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและการกำกับดูแล พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วโลก
• การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง: กุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่ที่การกระทำ ต้องยึดมั่นในหลักการความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่าง (Common But Differentiated Responsibilities) และดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) และความตกลงปารีสอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความเป็นธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศในการดำเนินการและการปฏิบัติ ประเทศที่พัฒนาแล้วควรดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับแรก ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาด้านการเงิน และให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการเสริมสร้างศักยภาพแก่ประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น
• การกระชับความร่วมมือแบบเปิด: การส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียวและคาร์บอนต่ำทั่วโลกจำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่ดี ต้องเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสีเขียว ขจัดอุปสรรคทางการค้า และรับรองการไหลเวียนอย่างเสรีของผลิตภัณฑ์สีเขียวที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกได้ดียิ่งขึ้น

"จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ และขับเคลื่อนการสร้างโลกที่สวยงามซึ่งมนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน"

แก้ไขปัญหาเงินทุนและกีดกันทางการค้า

จากนั้นในที่ประชุมร่วมเต็มคณะ (Joint Plenary Meeting) ของการประชุมใหญ่หลายเวทีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในคราวเดียวกัน ได้แก่ COP 30, CMP 20, CMA 7, SBSTA 63 และ SBI 63 คณะผู้แทนจีนได้เรียกร้องให้ที่ประชุมสมัชชาภาคี (COP) ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังพัฒนาเผชิญมาอย่างยาวนาน เช่น การขาดแคลนเงินทุน และความท้าทายใหม่ๆ อาทิ มาตรการฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้า

ผู้แทนจีนได้เน้นย้ำว่า ความคาดหวังที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนา คือการได้เห็นการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เผชิญมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนรวมถึงการขาดแคลนเงินทุน และความไม่เพียงพอของขีดความสามารถ

ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังแสดงความหวังว่าที่ประชุมจะสามารถผลักดันให้เกิด "การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม" (just transition) โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจว่าจะต้องไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลังในกระบวนการนี้

นอกจากปัญหาแบบดั้งเดิมแล้ว จีนยังได้เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ที่ประเทศกำลังพัฒนาเผชิญอยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากบริบทภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป ปัญหาเหล่านี้ได้แก่ มาตรการฝ่ายเดียว (unilateral measures) และการกีดกันทางการค้า (trade protectionism)

เป้าหมายหลักของการเรียกร้องเหล่านี้คือการสร้างสภาพแวดล้อมภายนอกที่เอื้ออำนวยและดีงามสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาในกลุ่มซีกโลกใต้ (Global South) สามารถผลักดันและดำเนินการตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์

คณะผู้แทนจีนยังได้ยืนยันถึงพันธกิจของตนในการปฏิบัติตาม "แนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลก" (Global Governance Initiative) ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยแถลงสำคัญที่ท่านได้กล่าวไว้ในการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศสองครั้งที่ผ่านมา

จีนมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อแสดงทัศนคติเชิงบวกและสร้างสรรค์ต่อธรรมาภิบาลด้านสภาพภูมิอากาศ และจะให้การสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้การประชุม COP ประสบความสำเร็จ โดยยึดตามข้อกำหนดของความเปิดเผย, ความโปร่งใส, การมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง, การขับเคลื่อนโดยคู่ภาคี, และการบรรลุฉันทามติ

 

 

ที่มารูป: COP30 Brasil Amazônia