เจาะภารกิจไทยใน COP30 มุ่งขอเงินทุนสู้โลกร้อน เร่งลดก๊าซเรือนกระจก 47%

ไทยมีเป้าหมายหลักในการประชุม COP30 เพื่อเจรจาขอรับเงินทุนสนับสนุน และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้วมาใช้ต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
KEY
POINTS
- ไทยมีเป้าหมายหลักในการประชุม COP30 เพื่อเจรจาขอรับเงินทุนสนับสนุนและถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้วมาใช้ต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
- เตรียมนำเสนอเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดฉบับใหม่ (NDC 3.0) ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึง 47% ภายในปี 2030
- จะผลักดัน 5 วาระสำคัญในการประชุม รวมถึงการกำหนดเป้าหมายการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ (GGA) และการบริหารจัดการกองทุนความสูญเสียและความเสียหาย (FRLD)
- นำเสนอความก้าวหน้าของไทย เช่น ร่าง พ.ร.บ. ลดโลกร้อน และความสำเร็จในการโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ และความมุ่งมั่น
การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ หรือ COP30 กำลังจะเปิดฉากวันที่ 10-21 พ.ย.2025 ที่เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล กำลังจะเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่ประเทศไทยเตรียมใช้แสดงบทบาทเชิงรุกในระดับโลก โดย นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ หลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วม COP30 ถึงจุดยืน และเป้าหมายหลักของประเทศไทย ว่า นอกจากต้องการแสดงศักยภาพในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็นไปตามเป้าหมายระดับโลกแล้ว ไทยยังมุ่งเน้นการขอรับเงินสนับสนุนด้านสภาพภูมิอากาศจากกองทุนต่างๆ
และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อเสริมศักยภาพของประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายใหม่ NDC 3.0 ที่ ครม.เห็นชอบเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึง 47% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับระดับปี 2019 อันจะส่งผลต่อเป้า Net Zero ของไทยให้เร็วขึ้น 15 ปี เป็นปี 2050
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นางสาวภัทรานันท์ อธิบายว่า ไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา G77 บวกกับประเทศจีน 134 ประเทศ มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนจากประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อสร้างศักยภาพที่ดีที่สุดในการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านกองทุนต่างๆ เช่น Green Climate Fund, Adaptation Fund ซึ่งไทยมีความจำเป็นต้องขอความสนับสนุนเพิ่มเติมในทุกๆ ปี เนื่องจากเทคโนโลยีด้านการลดอุณหภูมิโลก และการลดก๊าซเรือนกระจกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และรวดเร็ว จึงต้องตามให้ทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
"ปีนี้เรามีเป้าหมายในการเจรจาเพื่อให้ได้เม็ดเงินสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับปีที่ผ่านมา ไทยได้รับเงินสนับสนุนประมาณ 38,000 ล้านบาท ภายใต้ Thailand’s First Biennial Transparency Report (BTR) ฉบับที่ 1 ซึ่งเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเงินทุน"
นางสาวภัทรานันท์ กล่าวด้วยว่า ไทยจะกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูง โดยวาระหลัก 5 ประเด็นที่ไทยจะผลักดันคือ การจัดส่งเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC 3.0), การกำหนดตัวชี้วัดเป้าหมายการปรับตัวต่อผลกระทบด้านภูมิอากาศ (Global Goal on Adaptation: GGA), การเดินหน้าตามแผนที่นำทางด้านการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม (Baku to Belém Roadmap to 1.3T), การบริหารจัดการกองทุนความสูญเสีย และความเสียหาย (Fund for Loss and Damage: FRLD) และการส่งเสริมให้การดำเนินการตามความตกลงปารีส ซึ่งครบรอบ 10 ปี) เป็นไปอย่างเกิดประโยชน์สูงสุดกับภาคี
นอกจากนั้น จะมีการสื่อสารถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึง พ.ร.บ. ลดโลกร้อน ที่กำลังจะเข้า ครม. 25 พ.ย.68 นี้ โดยคาดการณ์ว่า พ.ร.บ. นี้จะสามารถเริ่มใช้งานได้ในช่วงปี 2026 อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณาต่อไป
และจะโชว์ศักยภาพในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่สามารถดำเนินการโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ (ITMOs) ภายใต้กลไกข้อ 6.2 ของความตกลงปารีสได้สำเร็จ โดยมีการโอนเครดิตจากโครงการ รถเมล์ไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ไปยังประเทศ สวิตเซอร์แลนด์
โดยในปีนี้กำลังจะมีโครงการคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศกับประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ผ่านโครงการ Solar Floating การนำเสนอกฎหมาย และความก้าวหน้าเหล่านี้ในเวที COP30 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการยกระดับกลไกภายในประเทศ เพื่อรองรับการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศให้สอดคล้องกับ ความตกลงปารีส
นางสาวภัทรานันท์ กล่าวถึง Thailand Pavilion ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแล โดยมีการนำเสนอผลการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “When Nature Thrives, We All Survive : ธรรมชาติคืนชีวิต สู้วิกฤติภูมิอากาศ” พร้อมจัดแสดงนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “5C” ได้แก่ Climate Policy, Climate Action, Climate Finance, Climate Resilience และ Climate Literacy
"ในพาวิลเลียนของไทยจะมีการจัดเวทีเสวนามากกว่า 30 หัวข้อ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์ระหว่าง นักวิชาการ ผู้แทนรัฐบาล ภาคเอกชน เยาวชน และองค์กรระหว่างประเทศ ครอบคลุมทั้งประเด็นด้านการเงิน การปรับตัว และนวัตกรรม ไทยต้องการเน้นย้ำบทบาทด้าน นวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการกักเก็บคาร์บอน ทั้งในรูปแบบของการปลูกป่าและเทคโนโลยี Carbon Capture นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ภายในพาวิลเลียนของไทยด้วย"
ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยในปีนี้ประกอบด้วยตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เช่น ปตท. และ เอสซีจี รวมถึง ตัวแทนเยาวชนจากเครือข่ายของ ทส. ที่จะร่วมสะท้อนมุมมองของคนรุ่นใหม่บนเวทีโลก
“ทีมงานไทยทุกคนที่เข้าร่วมการประชุม COP30 ครั้งนี้ มีความตั้งใจอย่างมากที่จะเจรจาเพื่อให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านเงินทุน เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้ไทยสามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







