อียูหนุนระบบเครือข่ายไฟฟ้าอาเซียนผ่าน‘Global Gateway’เพื่อความยั่งยืน

ฉากเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้สหภาพยุโรป(อียู) ต้องปรับทิศทางการลงทุนของภูมิภาค ล่าสุดในการประชุม Global Gateway Forum ได้มีการขับเคลื่อนกลยุทธ์การลงทุนจากภายนอกของสหภาพยุโรป
โดยยุโรป ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป ประเทศสมาชิก และสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา ได้ระดมเงินทุนกว่า 306,000 ล้านยูโร ภายในเวลาเพียงสี่ปี ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2564 แล้ว เร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2570 ถึงสองปี
ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า Global Gateway เป็นกลยุทธ์การลงทุนของยุโรป ที่ตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยานไว้ที่ 3 แสนล้านยูโรภายในปี 2570 ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าโลกต้องการไม่ใช่แค่การลงทุนเท่านั้น แต่ยังต้องการความร่วมมือด้วย โดยความร่วมมือที่แท้จริงบนต้องอยู่พื้นฐานของความเคารพผลประโยชน์ร่วมกัน และความมุ่งมั่นในระยะยาว นี่คือหัวใจสำคัญและความสำเร็จของ Global Gateway
การระดมเงินทุนภาคเอกชน
บริษัทชั้นนำของยุโรปกว่า 150 แห่งเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ พร้อมด้วยรัฐบาล ธนาคารเพื่อการพัฒนา และหน่วยงานสินเชื่อเพื่อการส่งออกที่เข้าร่วมการประชุมที่มุ่งเน้นย้ำว่าเงินทุนสาธารณะเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนของโลกได้
ดังนั้นบทบาทของ Global Gateway ในการระดมทุนภาคเอกชน จึงเป็นที่มาของ Global Gateway Investment Hub แห่งใหม่นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับบริษัทต่างๆ ที่กำลังมองหาการสนับสนุนด้านการลงทุนจากสหภาพยุโรปผ่าน Global Gateway ในประเทศต่างๆ
“เงินช่วยเหลือ เงินกู้แบบมีเงื่อนไข และการค้ำประกันจะถูกใช้เพื่อแบ่งปันความเสี่ยงและทำให้โครงการต่างๆ ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ”
Scale-up เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนใหม่
ในการประชุม ได้มีการพูดถึง Scale-up หลายชุดเกี่ยวกับโครงการสำคัญๆ ของ Global Gateway ซึ่งรวบรวมจากภาครัฐ สถาบันการเงิน และผู้นำภาคเอกชน การประชุมเหล่านี้จะมุ่งเน้นไปที่พันธสัญญาการลงทุนที่เป็นรูปธรรมในภาคส่วนสำคัญๆ เช่น โครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid)
ทั้งนี้ จะมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรปและกลุ่มธนาคารโลกในงาน Global Gateway Forum เช่นกัน
สำหรับGlobal Gateway คือกลยุทธ์การลงทุนภายนอกของสหภาพยุโรป เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ชาญฉลาด สะอาด และปลอดภัยในภาคดิจิทัล พลังงาน และการขนส่ง รวมถึงเสริมสร้างระบบสาธารณสุข การศึกษา และการวิจัยทั่วโลก กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน โดยส่งเสริมความร่วมมือที่เท่าเทียมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์และความยืดหยุ่นของทั้งยุโรปและประเทศพันธมิตร นับเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจด้วยการลงทุนที่ยั่งยืน และถือเป็นการมีส่วนร่วมของสหภาพยุโรปในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนอกเหนือขอบเขตพรมแดน
สำหรับโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฉบับที่ 6 เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีพลังงานทั้ง 4 ประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนแบบพหุภาคีในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นรากฐานสำคัญของการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid: APG) สร้างความยืดหยุ่นของระบบโครงข่ายไฟฟ้า ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานของอาเซียนผ่านการลงทุนและส่งเสริมศักยภาพพลังงานหมุนเวียน โครงการระยะแรก สปป.ลาว ได้ขายไฟฟ้าไปยังสิงคโปร์ ผ่านสายส่งของไทยและมาเลเซีย ปริมาณสูงสุดที่ 100 เมกะวัตต์ และในระยะที่ 2 มาเลเซียจะขายไฟฟ้าเพิ่มเติมให้กับสิงคโปร์ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการซื้อขายไฟฟ้าเป็น 200 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมการผ่านสายส่งไฟฟ้า (Wheeling Charge) และเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว







