'เศรษฐกิจหมุนเวียนทะเล' ทางรอดใหม่ สู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน

แนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ได้ผลักดันให้ท้องทะเลเป็นวาระระดับโลกมานานกว่าทศวรรษ แต่วิกฤติความเสื่อมโทรมที่ยังคงดำเนินอยู่คือสัญญาณว่าการ "รักษาสถานะเดิม" ของทะเลที่อ่อนแอนั้นยังไม่สำเสร็จ ทั่วโลกจึงมุ่งเน้นไปที่การ ฟื้นฟู (Regeneration) ระบบนิเวศ สร้างความยืดหยุ่น
KEY
POINTS
- วิกฤตความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากแนวคิดเศรษฐกิจที่เน้นแค่ความยั่งยืน ไปสู่ "เศรษฐกิจหมุนเวียนทะเล" ที่มุ่งเน้นการ "ฟื้นฟู" ระบบนิเวศเป็นหลัก
- แนวคิดใหม่นี้มุ่งออกแบบอุตสาหกรรมทางทะเลทั้งหมด เช่น พลังงาน การท่องเที่ยว และการประมง ให้สามารถสร้างผลบวกต่อระบบนิเวศและสร้างความมั่งคั่งให้ชุมชนไปพร้อมกัน
- ประเทศไทยซึ่งมีเศรษฐกิจพึ่งพาทะเลสูงถึง 30% ของ GDP ได้เริ่มขับเคลื่อนแนวคิดนี้ผ่านนโยบายและโครงการฟื้นฟูที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้เทคโนโลยี 3D Printing สร้างฐานปะการัง
แนวคิด เศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ได้ผลักดันให้ท้องทะเลเป็นวาระระดับโลกมานานกว่าทศวรรษ แต่วิกฤติความเสื่อมโทรมที่ยังคงดำเนินอยู่คือสัญญาณว่าการ "รักษาสถานะเดิม" ของทะเลที่อ่อนแอนั้นยังไม่สำเสร็จ ทั่วโลกจึงมุ่งเน้นไปที่การ ฟื้นฟู (Regeneration) ระบบนิเวศ สร้างความยืดหยุ่น และประกันความมั่งคั่งที่ยั่งยืนสำหรับชุมชนชายฝั่ง และนี่คือ โอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ ที่จะ "สร้างภูมิคุ้มกัน" ให้กับเศรษฐกิจทางทะเล
จุดเปลี่ยนสำคัญ จาก "ยั่งยืน" สู่ "ฟื้นฟู"
เศรษฐกิจสีน้ำเงินทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 2.5–6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก พร้อมคาดการณ์ว่างานที่เกี่ยวข้องกับทะเลจะเติบโตถึง 130% ในช่วง พ.ศ. 2553–2573 แต่ความมั่งคั่งนี้เปราะบางอย่างยิ่ง เนื่องจาก
- ทรัพยากรร่อยหรอ: ปริมาณปลาทั่วโลกกว่า 35% ถูกจับเกินขนาด
- ระบบนิเวศเสียหาย: ป่าชายเลนและหญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนสำคัญ กำลังหายไปเร็วกว่าป่าบกถึง 3-5 เท่า
- ภัยคุกคามทางธุรกิจ: ความเสื่อมโทรมเหล่านี้หมายถึงห่วงโซ่อุปทานที่อ่อนแอ ความไม่มั่นคงทางอาหารและพลังงาน รวมถึงต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจ
การเปลี่ยนผ่านสู่ เศรษฐกิจหมุนเวียนทะเล (Regenerative Blue Economy) จึงเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ ที่สะท้อนการทำงานของธรรมชาติ คือ หมุนเวียน เยียวยาตนเอง และครอบคลุม โดยมุ่งออกแบบอุตสาหกรรมทางทะเลใหม่ทั้งหมด (เช่น พลังงานหมุนเวียน การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การขนส่ง และการท่องเที่ยว) ให้เป็นระบบที่เชื่อมโยงกัน และ สร้างผลบวก ทั้งต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์และสุขภาพของระบบนิเวศ
ไทยกับการขับเคลื่อน "เศรษฐกิจสีน้ำเงิน" สู่ "การฟื้นฟู"
โมเมนตัมระดับโลกกำลังมาแรง โดยมีการประชุมสำคัญ เช่น การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทร (UN Ocean Conference) และกรอบนโยบายอย่าง ความตกลง BBNJ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทะเลกำลังถูกยกระดับจาก "ส่วนชายขอบ" มาสู่ "ศูนย์กลาง" ของวาระด้านสภาพภูมิอากาศและธรรมชาติ
ในส่วนของ ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสูง โดยมีสัดส่วนของเศรษฐกิจสีน้ำเงินสูงถึงราว 30% ต่อ GDP และจ้างงานราว 26% ของการจ้างงานรวม (ข้อมูล ณ พ.ศ. 2563) นั้น ได้มีการตื่นตัวในเรื่องนี้เช่นกัน
นโยบายระดับชาติ: ประเทศไทยมีการขับเคลื่อนเรื่อง Blue Economy อย่างต่อเนื่อง โดยเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการบูรณาการภารกิจและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและชุมชน
การสนับสนุนจากต่างประเทศ: เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารโลก ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจสีน้ำเงินของไทย ผ่านนวัตกรรมทางการเงินและแผนการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
โครงการฟื้นฟูทะเลไทย: มีหลายโครงการที่สะท้อนแนวคิดการฟื้นฟู (Regeneration) เช่น โครงการอนุรักษ์ทะเลไทยตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่มุ่งเน้นการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงโครงการที่เน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศ
เช่น การสร้างปะการังเทียมเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในหลายพื้นที่ การอนุรักษ์และขยายพื้นที่หญ้าทะเล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น วัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังที่ผลิตจากเทคโนโลยี 3D Printing เพื่อช่วยฟื้นฟูแนวปะการัง
โมเดลความสำเร็จจากทั่วโลก
สภาอนาคตโลกด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนทะเล (Global Future Council on the Regenerative Blue Economy) ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่าการฟื้นฟูสามารถทำควบคู่ไปกับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจได้อย่างไร
- ชิลี: ชุมชนเป็นผู้นำในการบริหารจัดการ สิทธิการใช้พื้นที่ประมงในเขตแดน (TURFs) ซึ่งช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล ขณะเดียวกันก็ช่วยประคองเศรษฐกิจท้องถิ่น
- ทะเลเหนือ: มีการออกแบบพื้นที่ กังหันลมนอกชายฝั่ง ให้ควบคู่ไปกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการฟื้นฟูแนวปะการัง ทำให้การผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นไปพร้อมกับการฟื้นฟูระบบนิเวศ
- แซนซิบาร์ (แทนซาเนีย): สหกรณ์สาหร่ายทะเลที่นำโดยผู้หญิง ได้ช่วยฟื้นฟูสุขภาพของลากูน ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้และกระจายเศรษฐกิจครัวเรือน
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นฟูทางนิเวศวิทยาและความมั่งคั่งของชุมชนสามารถก้าวหน้าไปพร้อมกันได้ และเป็น พิมพ์เขียวสู่การฟื้นฟู ที่ทุกภาคส่วนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกออกแบบมาเพื่อ ซ่อมแซมและเสริมสร้าง ทะเลในเวลาเดียวกัน
การฟื้นฟูจึงไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" แต่เป็น ทิศทางที่จำเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจสีน้ำเงินมีความยืดหยุ่น ผลิตได้ และมีความเป็นธรรมในระยะยาว
ที่มา : UBC Fisheries , Centre Vattenfall







