'กฟผ.–พพ.' ยกระดับ 30 ปี 'ฉลากเบอร์ 5' สร้างมาตรฐานการใช้ไฟไทย เซฟเงินชาติ

กระทรวงพลังงาน – พพ. – กฟผ. พร้อมหน่วยงานพันธมิตร เผยผลสำเร็จ 30 ปี ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 40,000 ล้านหน่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 22 ล้านตัน พร้อมร่วมเดินหน้าพัฒนาฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โฉมใหม่ มั่นใจคูณ 2 เพื่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานครบรอบ 30 ปี โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ด้วยรัก(ษ์) และผูกพัน โดยมี นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.), ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตรโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ร่วมงาน
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน ได้ยกระดับและพัฒนาแผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ โดยมุ่งเน้นมาตรการเชิงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับการอนุรักษ์พลังงาน รองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี รูปแบบการใช้พลังงาน ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและสร้างการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่ กฟผ. ดำเนินการตลอดระยะเวลา 30 ปี รวมถึงโครงการฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงของ พพ. เป็น 2 โครงการ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นับเป็นโครงการต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคอาเซียน และระดับสากล ตอบสนองนโยบายภาครัฐ สร้างผลลัพธ์การประหยัดพลังงานให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน จึงให้นโยบายในการควบรวมฉลากทั้ง 2 ชนิดเป็นรูปแบบเดียวกัน สร้างความมั่นใจคูณ 2 โดยยึดการสร้างคุณค่าและเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น ซึ่ง ฉลากเบอร์ 5 ใหม่จะครอบคลุม 45 ผลิตภัณฑ์ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เริ่มวางจำหน่าย 16 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
ดร.ประเสริฐ กล่าวเพิ่มว่า ช่วงการบุกเบิกโครงการประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้เกิดโครงการต่างๆ สำคัญ อย่างเช่นเรื่องของการอนุรักษ์พลังงาน โดยช่วงแรกเกิดคำถามที่ว่ากฟผ. จะทำในเรื่องของการประหยัดไฟฟ้านั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะหน้าที่หลักคือผลิตและจัดหาพลังงานให้กับประชาชน และผู้ประกอบการ แต่ความรับผิดชอบคือต้องผลิตและใช้ด้วย
"ถ้าเราไม่ทำเรื่องนี้แล้วใครจะทำ ดังนั้น จึงเชื่อว่าระหว่างทางจะฝ่าฟันหลายอย่างจนวันนี้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้เติบโตมากจากเริ่มต้นที่ตู้เย็น มาเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และเตารีด ฯลฯ เป็นต้น ถือเป็นเรื่องที่ติดปากและติดใจของคนทั่วไปว่าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องเป็นเบอร์ 5 จึงเป็นเรื่องที่สร้างตรฐานที่ดีให้กับประเทศ"
นอกจากนี้ยังเป็นความภาคภูมิใจที่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย โดยในตลาดต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียม ซึ่งกฟผ. ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่ผลักดันโครงการนี้ ทั้งนี้ที่ขาดไม่ได้คือผู้ประกอบการโรงงาน หรือผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร่วมโครงการกับกฟผ. ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน ถือเป็น journey ที่สวยงามและจะยังเป็น journey ต่อไปอีกนานแสนนาน
ดร.ประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกสิ่งที่กำลังทำคือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ ฉลากเบอร์ 5 ที่ผ่านกฎกระทรวงเรียบร้อยแล้วโดยจะได้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ กรมสรรพากร ออกประกาศ เพื่อยืนยันว่าประชาชนจะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้น จะช่วยให้เกิดการส่งเสริมการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ถือเป็นความร่วมมือหลายภาคส่วนที่ร่วมกันดำเนินการ
"เบื้องต้น ครม. ได้อนุมัติหลักการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้ออุปกรณ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาวเป็นลำดับแรกก่อน โดยทางพพ. จะต้องปรับปรุงข้อมูลด้านฉลากเพื่อส่งมอบให้กรมสรรพากรใช้ประกอบการจัดทำหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามอำนาจในประมวลรัษฎากร โดยร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องต้องเสนอครม. พิจารณา และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงจะมีผลบังคับใช้ โดยคาดว่าระยะเวลาอย่างเร็วที่สุดน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ส่วนลดหย่อนได้เท่าไหร่นั้น กรมสรรพากรจะเป็นผู้ประเมิน"
ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กฟผ. เสริมว่า เป็นเวลากว่า 30 ปี ตั้งแต่ กฟผ. เริ่มดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 มุ่งยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้าควบคู่ไปกับการรณรงค์ เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการปรับรูปแบบฉลากเบอร์ 5 ให้แสดงประสิทธิภาพมากขึ้นเป็น เบอร์ 5 "3 ดาว" และเบอร์ 5 สูงสุด "5 ดาว" ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 ทั้งสิ้น 27 ผลิตภัณฑ์ กว่า 520 ล้านดวง ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 40,000 ล้านหน่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) กว่า 22 ล้านตัน เทียบเท่าปลูกต้นไม้กว่า 1,720 ล้านต้น (ข้อมูล ณ ส.ค. 68)
ทั้งนี้ กฟผ. วางแผนดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขยายผลไปยังบ้าน อาคาร โรงเรียน และโรงแรม ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพันธมิตรทุกภาคส่วนที่ร่วมผลักดันโครงการฯ ให้ประสบผลสำเร็จ และการร่วมมือกับพพ. ในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาฉลากเบอร์ 5 ใหม่ ไปสู่การสร้างโลกสีเขียวที่ยั่งยืน







