เสียงสะท้อนจาก 'คนเฝ้าป่า' ถึง 'ผู้นำธุรกิจ' หนุนชุมชนมีเศรษฐกิจยั่งยืน

เสียงสะท้อนจาก 'คนเฝ้าป่า' ถึง 'ผู้นำธุรกิจ' หนุนชุมชนมีเศรษฐกิจยั่งยืน

ความร่วมมือนี้เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการดูแลป่า ในขณะที่ภาคธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและตอบสนองต่อผู้บริโภครุ่นใหม่

KEY

POINTS

  • ชุมชนผู้ดูแลป่าสะท้อนความสำเร็จของโครงการคาร์บอนเครดิตที่ช่วยสร้างรายได้ พัฒนาอาชีพเสริม และนำไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนพึ่งพาตนเองได้
  • ภาคธุรกิจให้การสนับสนุนมากกว่าแค่เงินทุน โดยใช้อาสาสมัครตามทักษะ (Skill-based Volunteering) เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการเงินและการจัดการ เสริมความเข้มแข็งให้ชุมชน
  • ความร่วมมือนี้เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการดูแลป่า ในขณะที่ภาคธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและตอบสนองต่อผู้บริโภครุ่นใหม่

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงาน MFLF Sustainability Forum  2025 ภายใต้แนวคิด “วิกฤตโลก ทางออกไทย” โดยหนึ่งในหัวข้อเสวนาที่สำคัญคือ การถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากชุมชนที่เข้าร่วมโครงการป่าชุมชน และกลไกการสนับสนุนจากภาคธุรกิจ สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ภายใต้การดำเนินรายการของคุณไดอาน่า จงจินตนาการ

การเสวนาครั้งนี้รวมตัวผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนชุมชนชั้นนำ ประกอบด้วย ไพบูล ตันกูล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หุ้นส่วนและกรรมการบริษัท PwC ประเทศไทย, วิชัย เป็งเรือน ผู้ใหญ่บ้านต้นผึ้งและประธานเครือข่ายป่าชุมชน ตำบลแม่โป่ง จังหวัดเชียงใหม่ และ ทอน ใจดี ประธานเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดพะเยา ผู้จัดการป่าชุมชนบ้านปี้ จังหวัดพะเยา

เสียงสะท้อนจาก 'คนเฝ้าป่า' ถึง 'ผู้นำธุรกิจ' หนุนชุมชนมีเศรษฐกิจยั่งยืน

ชุมชนกับคาร์บอนเครดิต

“ทอน ใจดี" เปิดเผยรายละเอียดความสำเร็จของป่าชุมชนบ้านปี้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ที่เป็นตัวอย่างเด่นของการผสานความร่วมมือระหว่างชุมชนกับโครงการคาร์บอนเครดิต ว่า ป่าชุมชนบ้านปี้ประสบความสำเร็จในการผลิตคาร์บอนเครดิตได้ถึง 11,787 ตัน คิดเป็นประมาณ 4 ตันต่อไร่ต่อปี ซึ่งถือเป็นอัตราผลผลิตที่น่าประทับใจ

“ชุมชนภาคเหนืออยู่ร่วมกับป่าอยู่แล้ว โครงการคาร์บอนเครดิตได้เข้ามาสนับสนุนเงินทุน ทำให้เราสามารถดูแลผืนป่ากว่า 945 ไร่ ได้อย่างดียิ่งขึ้น”

กลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนคือ กองทุนพัฒนาอาชีพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ช่วยพัฒนาอาชีพเสริมให้กับชุมชน โดยเฉพาะงานจักรสานของกลุ่มผู้หญิงและผู้สูงอายุ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจนสามารถพ้นเกณฑ์ความยากจนที่ 20,000 บาทต่อปี

นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร และกลุ่มเลี้ยงผึ้ง ซึ่งสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่องความสำเร็จในมิติสังคมเกิดจากการที่ชุมชนอาศัย คณะกรรมการและชาวบ้านทุกช่วงวัยร่วมกันวางกฎระเบียบ และจัดการป่าอย่างยั่งยืน การมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับทำให้เกิดการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและต่อยอดกลุ่มอาชีพ การจัดการทรัพยากร และการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างครบถ้วน

ความเข้มแข็ง-ความสามัคคี 

“วิชัย เป็งเรือน” จากตำบลแม่โป่ง จังหวัดเชียงใหม่ เผยความภาคภูมิใจที่ชุมชนได้เป็นตัวแทนในการส่งมอบคาร์บอนเครดิต พร้อมขอบคุณกรมป่าไม้ที่มอบโอกาสให้ชุมชนบริหารจัดการพื้นที่ป่าได้ตาม พ.ร.บ. ป่าชุมชน

ผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือการจัดการไฟป่า โดยโครงการคาร์บอนเครดิตได้จัดสรรงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการจัดการไฟป่า ผลการติดตามแสดงให้เห็นว่า พื้นที่เสียหายจากไฟป่าในโครงการระยะที่ 1 และ 2 ลดลงจากค่าเฉลี่ยเดิมที่ 22% เหลือเพียง 0.86% ในปี 2567

ชุมชนแม่โป่งสามารถบริหารจัดการเงินสนับสนุนด้วยตนเองผ่านการลงมติของหมู่บ้าน และพัฒนาศักยภาพภายในชุมชนเพื่อสร้างรายได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การเก็บใบตองตึงมาทำจานใบไม้เพื่อสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเก็บเชื้อเพลิงในป่ามาทำปุ๋ยเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การสร้างตลาดชุมชนเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าขายในชุมชน

"ความสำเร็จของชุมชนเกิดจากความเข้มแข็ง ความรัก และความสามัคคี  ปัจจุบันชุมชนได้กลายเป็น แหล่งศึกษาและถ่ายทอดความรู้เรื่องการจัดการคาร์บอนเครดิต โดยต้อนรับผู้มาศึกษาดูงานปีละประมาณ 2,000-3,000 คนซึ่งกลายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งของชุมชน"

อาสาสมัครตามทักษะ

"ไพบูล ตันกูล" จาก PwC ประเทศไทย อธิบายเหตุผลที่บริษัทให้การสนับสนุนมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ว่าเกิดจากความตั้งใจของมูลนิธิที่ตรงกับค่านิยมหลักของ PwC ในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

PwC ไม่ได้สนับสนุนเพียงงบประมาณเท่านั้น แต่ยังใช้แนวทาง "skill-based volunteering" หรือการอาสาสมัครตามทักษะความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย

  • การให้คำปรึกษาด้านการตรวจสอบติดตามทางการเงิน – เพื่อเสริมสร้างคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูง
  • การจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีต่างๆ
  • การถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการ - ช่วยให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการ

โครงการนี้ช่วยตอบโจทย์หลายประการสำหรับภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศที่สนับสนุนนโยบายสิ่งแวดล้อมระดับชาติ การลงทุนด้านความยั่งยืนขององค์กรที่ตอบสนองความต้องการของผู้ถือหุ้นและลูกค้า โดยรายงานความยั่งยืนเป็นการมีส่วนร่วมกับโครงการที่เห็นผลจริงและวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอในรายงานต่างๆ

"ไพบูล" ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคแบบใหม่ คนรุ่นใหม่ Gen Y และ Gen Z มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าและบริการ หรือทำงานกับบริษัทที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจน

"นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้องค์กรจำเป็นต้องหันมาให้ความสนใจในประเด็นเหล่านี้มากขึ้น รวมไปถึงการขยายขอบเขตการลงทุนที่ภาคธุรกิจกำลังมองข้ามแค่เพียงคาร์บอนเครดิต และเริ่มให้ความสำคัญกับ Biodiversity Credit เครดิตจากการอนุรักษ์ความหนาแน่นทางชีวภาพ Nature Credit เครดิตจากการอนุรักษ์ธรรมชาติโดยรวม ซึ่งจะเป็นรูปแบบธุรกิจในอนาคตที่มีศักยภาพสูง"

 

 

ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ