PRTR ผ่านวาระแรก ภาคประชาสังคมจับตา 'รัฐสภา' อย่ายื้อ จัดการฝุ่นอุตสาหกรรม

ภาคประชาสังคมชี้ว่าฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเป็นต้นตอหลักของวิกฤติ PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลมองข้ามมาโดยตลอด
KEY
POINTS
- ภาคประชาสังคมชี้ว่าฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเป็นต้นตอหลักของวิกฤต PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลมองข้ามมาโดยตลอด
- มีการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างกฎหมาย PRTR ซึ่งจะบังคับให้โรงงานต้องรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยมลพิษสู่สาธารณะอย่างโปร่งใส
- กฎหมาย PRTR ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงอากาศสะอาด และสร้างแรงกดดันให้ภาคอุตสาหกรรมลดการปล่อยมลพิษ
ภาคประชาสังคมเตือน "ฝุ่นพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม" คือปัญหาที่ถูกละเลยมายาวนาน ทั้งที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมเรียกร้องให้รัฐเร่งผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (PRTR) เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการหายใจอากาศสะอาด
กรีนพีซ ประเทศไทย และมูลนิธิบูรณะนิเวศ จึงร่วมกันจัดเวที “นักสืบฝุ่น ครั้งที่ 4: ฝุ่นไม่รู้จักเขตแดน” เพื่อชี้ให้เห็นถึงช่องว่างดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผ่าน ร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (PRTR) ซึ่งถือเป็นกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการหายใจอากาศสะอาด
อุตสาหกรรม แหล่งกำเนิดหลักที่ถูกมองข้าม
งานศึกษาของมูลนิธิบูรณะนิเวศ (ปี 2564) พบว่า สมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมหนาแน่น มีการปล่อยฝุ่น PM10 มากกว่า 70,000 ตัน/ปี และ PM2.5 กว่า 44,000 ตัน/ปี ขณะที่แหล่งกำเนิดอื่น เช่น การขนส่งหรือการเผาในที่โล่ง มีตัวเลขเพียงหลักร้อยตัน ถือเป็นหลักฐานชัดเจนว่าโรงงานคือ “ตัวการใหญ่” ของวิกฤติฝุ่น
"ฐิติกร บุญทองใหม่" ผู้จัดการแผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวย้ำว่า ฝุ่นอุตสาหกรรมไม่ได้เพียงหนาแน่นเท่านั้น แต่ยังปนเปื้อนสารอันตราย เช่น โลหะหนักและไดออกซิน ซึ่งส่งผลร้ายต่อสุขภาพและแพร่กระจายข้ามพื้นที่ได้ง่าย
“สมุทรสาครห่างกรุงเทพฯ ไม่ถึง 5 กิโลเมตร ฝุ่นเหล่านี้ไม่มีพรมแดน หากไม่ออกกฎหมายควบคุม ประชาชนทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดรอบข้างยังคงเสี่ยงโดยไร้การปกป้อง"
ภัยเงียบ โรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิล
นอกจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว อีกหนึ่งต้นตอที่ถูกพูดถึงน้อยคือโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ แม้ถูกนำเสนอว่า “สะอาดกว่าถ่านหิน” แต่ในความเป็นจริง โรงไฟฟ้าก๊าซยังปล่อย ไนโตรเจนออกไซด์ (NOₓ) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ PM2.5 และโอโซนพิษที่อันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก
ข้อมูลชี้ว่า ปัจจุบันประเทศไทยอนุญาตให้โรงไฟฟ้าก๊าซปล่อย NOₓ ได้สูงถึง 80 มก./ลิตร ซึ่งมากกว่ามาตรฐานของเกาหลีใต้ที่เข้มงวดกว่าเกือบ 8 เท่า สะท้อนว่ามาตรการควบคุมของไทยยังไม่ทันสมัยและไม่เพียงพอในการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
"อัญชลี พิพัฒนวัฒนากุล" ผู้จัดการงานรณรงค์ กรีนพีซ ประเทศไทย ระบุว่า หากรัฐบาลยังมองโรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลว่าเป็นคำตอบของพลังงานสะอาด ประเทศไทยจะไม่สามารถแก้ปัญหาฝุ่นพิษได้อย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องกล้าลดการพึ่งพาฟอสซิล กำหนดมาตรฐานเข้มงวด และเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน
PRTR กุญแจสู่ความโปร่งใสและอากาศสะอาด
PRTR (Pollutant Release and Transfer Register) คือระบบฐานข้อมูลที่ใช้บันทึกและเปิดเผยการปล่อยมลพิษจากโรงงานหรือกิจกรรมอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างโปร่งใส
หลักการนี้ถูกนำมาใช้แล้วในกว่า 50 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป โดยถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดมลพิษ เพราะทำให้ทุกฝ่ายเห็นภาพว่าใครปล่อยมลพิษเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย PRTR ใช้อย่างเป็นทางการ แม้จะมีการหารือมากว่าสิบปี เหตุผลหลักคือแรงต้านจากภาคอุตสาหกรรมที่กังวลต่อ “ต้นทุนและความโปร่งใส”
"ผศ.ดร.อัจฉริยา สุริยะวงศ์" จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า หากไม่มีกฎหมาย PRTR เราจะไม่มีเครื่องมือที่ทำให้เห็นชัดว่ามลพิษมาจากไหนและควรแก้ไขอย่างไร อากาศสะอาดไม่ใช่แค่สิทธิ แต่คือรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจและเมืองที่ยั่งยืน
เส้นทางของกฎหมาย PRTR ในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 รัฐสภาได้มีมติรับหลักการร่างกฎหมาย PRTR ถือเป็นก้าวสำคัญหลังจากถูกดองมานานหลายรัฐบาล ปัจจุบันร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อปรับรายละเอียด ก่อนเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2–3
ภาคประชาสังคมมองว่า กฎหมาย PRTR จะไม่เพียงแต่เพิ่มความโปร่งใส แต่ยังสร้าง “แรงกดดันเชิงบวก” ให้ภาคอุตสาหกรรมพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด ลดการปล่อยมลพิษ และคืนความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อยู่รอบโรงงาน ขณะเดียวกัน ประชาชนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่กระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้โดยตรง
ฝุ่นพิษ: ปัญหาสุขภาพ–เศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ มะเร็งปอด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง งานศึกษาหลายชิ้นยังชี้ว่าประเทศไทยสูญเสียค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและเศรษฐกิจหลายแสนล้านบาทต่อปีจากปัญหามลพิษทางอากาศ หากไม่จัดการอย่างจริงจัง วิกฤติฝุ่นพิษจะไม่เพียงกระทบต่อสุขภาพ แต่ยังบั่นทอนศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
โอกาสในการเปลี่ยนวิกฤติเป็นพลังขับเคลื่อน
แม้ภาคอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าก๊าซฟอสซิลยังเป็นต้นตอหลักของมลพิษ แต่กฎหมาย PRTR อาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ไทยสามารถพลิกจากวิกฤติฝุ่นพิษไปสู่การพัฒนาเมืองสีเขียวได้ หากรัฐเร่งผลักดันกฎหมายนี้ให้เกิดขึ้นจริงโดยไม่ยืดเยื้อ
เพราะในท้ายที่สุด สิทธิในการหายใจอากาศสะอาด ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือสิทธิพื้นฐานของประชาชนทุกคน และเป็นรากฐานของการสร้างสังคมที่ปลอดภัย ยั่งยืน และน่าอยู่สำหรับอนาคต







