BITEC ปักธง สร้างเมืองไมซ์ยั่งยืน จัดงานคาร์บอนต่ำ เล็งปูทาง Green Concert

ไบเทค (BITEC) ประกาศวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น "เมืองไมซ์ยั่งยืน" โดยขับเคลื่อนโมเดลการจัดงานแบบคาร์บอนต่ำ (Carbon-Neutral Events) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร 6 องค์กร
KEY
POINTS
- ไบเทค (BITEC) ประกาศวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น "เมืองไมซ์ยั่งยืน" โดยขับเคลื่อนโมเดลการจัดงานแบบคาร์บอนต่ำ (Carbon-Neutral Events) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร 6 องค์กร
- ดำเนินมาตรการด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมหลายด้าน เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์, การจัดการขยะสู่แนวคิด "Zero Plastic", และการใช้เทคโนโลยีติดตามการปล่อยคาร์บอนแบบเรียลไทม์
- มีเป้าหมายในอนาคตเพื่อผลักดันให้เกิด "Green Concert" เต็มรูปแบบ โดยร่วมมือกับผู้จัดงานเพื่อจัดการขยะ, รณรงค์ลดพลาสติก และบริหารจัดการพลังงานอย่างครบวงจร
ตลอด 28 ปีที่ผ่านมา ไบเทค (BITEC) เติบโตจากศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม จนก้าวสู่การเป็น “Bitec Buri” จุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยคุณค่าและความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ห้องประชุม พื้นที่จัดงานแสดงสินค้า คอนเสิร์ต ศูนย์กีฬาในร่ม BEAT ACTIVE หรือพื้นที่ไลฟ์สไตล์สีเขียวอย่าง SAMA Garden ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์หลัก 3 ด้าน คือ People, Planet และ Profit พร้อมความมุ่งมั่นในการสร้างพันธมิตรเพื่อเดินหน้าสู่ความยั่งยืนร่วมกัน
โรดแมปสู่ความยั่งยืน
“จารุภา ยินดีเหมาะ” ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์และแผนยุทธศาสตร์อันมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนไบเทคสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งการจัดงานไมซ์ (MICE: Meetings, Incentives, Conventions and Exhibitions) อย่างยั่งยืน ระดับสากล โดยเน้นย้ำว่าความยั่งยืนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA องค์กร ไม่ใช่เพียงกิจกรรม CSR แต่เป็นส่วนหนึ่งของภิรัชบุรีกรุ๊ป (Bhiraj Buri) พร้อมที่จะมอบประสบการณ์การจัดงานที่หลากหลายและยั่งยืนให้กับลูกค้าและทุกภาคส่วน
“เส้นทางความยั่งยืนของไบเทคเริ่มต้นมาตั้งแต่การออกแบบและก่อสร้างในปี 2540 โดย ดร. ประสาน ภิรัช บุรี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัทภิรัชบุรี ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานและสถานที่ตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติ COVID-19 ไบเทคได้ทบทวนและวางรากฐานการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น”
ต่างชาติปักหมุดจัดงานในไทย
“จารุภา” กล่าวว่า ไบเทคมีความสามารถในการรองรับงานได้ทั้ง 3 ประเภทหลัก ได้แก่ งานแสดงสินค้า (Exhibition) งานประชุม/สัมมนา (Convention/Conference) และงานอีเวนต์พิเศษ (Special Event) ด้วยการออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ปีที่ผ่านมาไบเทครองรับจัดงานได้ถึง 464 งาน และสำหรับปีนี้คาดการณ์ว่ายอดจัดงานจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 500 งาน
"สถานการณ์การจัดงานในปัจจุบันมีการกระจายตัวตลอดทั้งปีมากขึ้น ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในเดือนใดเดือนหนึ่งอย่างชัดเจนเหมือนในอดีต ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตและการเพิ่มขึ้นของจำนวนงาน สิ่งที่น่าสนใจคือ งานที่จัดขึ้นที่ไบเทคกว่า 60% เป็นงานระดับนานาชาติ มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก"
“จารุภา” ยังได้กล่าวถึงจุดเด่นที่ทำให้ไบเทคแตกต่างจากศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอื่นๆ ว่า ไบเทคเติบโตมาจากการเป็นศูนย์แสดงสินค้าแห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์โดยเฉพาะ
ปีที่ผ่านมาไบเทคสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 825 ตัน จากการจัดงาน 464 งาน หรือคิดเป็น 80% ของทั้งหมด โดยคำนวณตามหลักการขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ตัวเลขนี้เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 50,000 ต้นทีเดียว
กรอบความยั่งยืน
กรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของไบเทคสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UNSDG) โดยเน้นการวัดผลที่ชัดเจน โปร่งใส และสร้างสมดุลให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทานและการบริการ
“จารุภา” บอกว่า ในปี 2024 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยไบเทคได้กำหนดเป้าหมายความยั่งยืนที่ชัดเจน 6 ด้าน ได้แก่
1. การจัดการพลังงาน (Energy Management)
2. การจัดการของเสีย (Waste Management)
3. การจัดการน้ำ (Water Management)
4. คุณภาพอากาศ (Air Quality)
5. ทางเลือกอาหารยั่งยืน (Sustainable Food Choices)
6. การสร้างสังคมที่น่าอยู่และเอื้อต่อความยั่งยืน (Social & Regenerative Community)
"ตอนนี้เรื่องของ Sustainability กลายเป็นความต้องการหลักของผู้จัดงานไปแล้ว โดยเฉพาะผู้จัดงานจากต่างประเทศที่เราเห็นว่าให้ความสำคัญมาก ส่วนลูกค้าในประเทศก็ให้ความสำคัญเช่นกัน แต่จะเน้นการทำงานร่วมกันแบบ 'Practice' ที่เราต้องช่วยกันทำ”
โมเดล Carbon-Neutral Events
“จารุภา” กล่าวด้วยว่า เมื่อไม่นานมานี้ ไบเทคได้ก้าวสู่บทใหม่ของการจัดงานอย่างยั่งยืน ด้วยการจับมือกับพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม 6 องค์กรใหญ่ ตั้งแต่ SCGP, PTTGC, Wake Up Waste, AltoTech, Banpu NEXT ไปจนถึงมูลนิธิ SOS ทั้งหมดมารวมพลังกันเพื่อขับเคลื่อนโมเดล Carbon-Neutral Events ที่ไม่ใช่แค่คำสัญญา แต่คือการลงมือทำจริง ตั้งแต่วัดการปล่อยคาร์บอน ลดให้ได้มากที่สุด ไปจนถึงการชดเชยอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานของ TGO
“สิ่งที่ทำให้การร่วมมือนี้น่าสนใจคือการนำเทคโนโลยี Real-Time Carbon Tracking Dashboard ของ AltoTech เป็นเครื่องมือที่คอยติดตามทุกการปล่อยคาร์บอนของงาน ครอบคลุมทั้ง Scope 1–3 แล้วรายงานออกมาเป็นข้อมูลชัดเจนหลังจบงาน เพื่อให้ผู้จัดรู้ว่าควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง”
นอกจากนี้ ไบเทคยังพัฒนาห้องประชุมแบบ Plug & Play ช่วยให้ผู้จัดงานไม่ต้องขนย้ายอุปกรณ์จากภายนอกมากนัก เพียงปีเดียวก็รองรับไปแล้วกว่า 31 งาน ลดการเดินทางไปได้มากกว่า 6,000 กิโลเมตร ขณะเดียวกันยังรณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานใช้ BTS และปรับปรุงพื้นที่ Loading Bay ให้สะดวกขึ้น ลดการจอดรอและมลพิษ พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ (IAQ) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น
ผนึกพันธมิตรที่มุ่งเรื่องยั่งยืน
“จารุภา” เล่าต่อว่า ภายใต้โมเดล Carbon-Neutral Events ไบเทคได้ร่วมมือกับบ้านปูเพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 4 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่มทดลองใช้ในวันที่ 9 กันยายน 2025 ระบบนี้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ราว 14% ของการใช้ทั้งหมดในอาคาร และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 3,700 ตันต่อปี
ขณะที่ด้านการจัดการของเสีย ไบเทคเดินหน้าสู่แนวคิด “Zero Plastic” ด้วยการปรับบริการน้ำดื่มให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเติมน้ำเองได้ฟรี และเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องแทนขวดพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง พร้อมกันนี้ยังลงทุนในระบบป้ายดิจิทัล LED เพื่อลดการใช้วัสดุก่อสร้างและการขนส่งที่ไม่จำเป็น
อีกทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง SCGP ในการแยกและรีไซเคิลวัสดุต่างๆ ผลลัพธ์คือกระดาษถูกรีไซเคิลได้กว่า 51.2 ตัน ลดขยะพลาสติก 5.7 ตัน และขยะอะลูมิเนียมลงได้ถึง 5.9 ตัน เท่ากับลดไปได้ 59% เมื่อเทียบกับฐานข้อมูลปี 2023 รวมทั้งหมดช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 116,497 กิโลกรัมเทียบเท่า
ในมิติชุมชนและสังคม ไบเทคให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ยั่งยืน โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น กาแฟออร์แกนิกจากร้านในเครือพีรัตน์บุรี และ “เครื่องดื่มลูกจาก” จากชุมชนบางกะเจ้า พร้อมทั้งส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ยังไม่ผ่านการเสิร์ฟให้แก่องค์กร SOS นำไปช่วยเหลือผู้ขาดแคลน
Green Concert
เมื่อถามถึงงานพิเศษอย่างคอนเสิร์ต “จารุภา” กล่าวว่า ลูกค้าเริ่มมีการเรียกร้องเรื่องการแยกขยะ และ Waste Management มากขึ้น ที่ผ่านมาไบเทคเคยจัดงานใหญ่และทำงานกับลูกค้าอย่างหนักในการจัดการถังขยะแยกประเภท เพื่อให้ผู้ร่วมงานเข้าถึงได้ง่าย และเห็นว่าทุกคนให้ความร่วมมือ
"เราตั้งใจจะทำให้งานคอนเสิร์ตที่มาจัดที่นี่ร่วมมือกับเรา และทำให้เป็น Green Concert เต็มรูปแบบให้ได้ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงพูดคุยกับผู้จัดงานและนำเสนอแนวทาง ทั้งเรื่องการแยกขยะ การรณรงค์ไม่ให้นำขยะพลาสติกเข้างาน และการสร้าง Engagement กับผู้เข้าร่วมงาน นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดการพลังงาน และความปลอดภัยด้วย เพราะ Sustainability ไม่ได้มีแค่เรื่องขยะ"
ความท้าทายและพันธมิตรคือหัวใจ
“จารุภา” กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินงานด้านความยั่งยืนย่อมพบกับความท้าทายและต้องอาศัยการเรียนรู้ตลอดเส้นทาง แต่ไบเทคมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการและติดตามผล เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญที่สุดคือการสร้างสรรค์ความยั่งยืนจะไม่สามารถทำได้หากปราศจากความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วน รวมถึงจิตใจที่พร้อมของพนักงานทุกคน
ไบเทคยืนยันว่าจะยังคงเป็นแพลตฟอร์มในการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าให้สามารถจัดงานได้อย่างยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน







