Ubontech ชี้ แบตเตอรี่คือหัวใจของ 'Data Center' ในยุคพลังงานสะอาด

Data Center กับความท้าทายด้านพลังงานและเป้าหมายสู่ความยั่งยืน

จามร ภักดิ์ศรีแพง กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทอุบลเทค – UTI Solar กล่าวในงาน Siemens Data Center Conference 2025: Redefining Data Center Infrastructure จัดโดย 'ซีเมนส์และกรุงเทพธุรกิจ'  ในหัวข้อ ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS): การเปลี่ยนแปลงความยืดหยุ่นด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูล ว่า Data Center มีอัตราการใช้พลังงานที่สูงมาก ซึ่งนำไปสู่การปล่อยคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยคาดการณ์ว่า Data Center จะใช้พลังงานสูงถึง 1.5-3% ของการใช้พลังงานทั่วโลก สัดส่วนพลังงานกว่า 70-80% ในศูนย์ข้อมูลถูกใช้ไปกับระบบทำความเย็นและอุปกรณ์ไอที ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ต้องหันมาใช้ "พลังงานสีเขียว" หรือพลังงานสะอาด เพื่อลด Carbon Footprint และรับประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบ

แบตเตอรี่ หัวใจสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้พลังงานหมุนเวียน

แม้พลังงานหมุนเวียนอย่างแสงอาทิตย์และลมจะเป็นอนาคต แต่ธรรมชาติของมันคือความไม่แน่นอน นี่คือจุดที่ แบตเตอรี่ เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยทำหน้าที่ จัดเก็บพลังงาน ที่ผลิตได้ในช่วงเวลาที่มีแสงแดดหรือลม และปล่อยออกมาใช้เมื่อไม่มีพลังงานเหล่านั้น สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้พลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนมีความ เสถียร แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรม Data Center ต้องอาศัย เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็น Carbon-Free ภายในปี 2573

Ubontech กับโซลูชันแบตเตอรี่อุตสาหกรรม (CNI)

Ubontech ในฐานะบริษัทไทยที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนและเป็นตัวแทนจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่แบรนด์ Chiko ได้นำเสนอ แบตเตอรี่ขนาด CNI (Commercial Industrial) ตั้งแต่ 200 กิโลวัตต์ ไปจนถึง 5 เมกะวัตต์ โดยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เหล่านี้มาในรูปแบบ ตู้คอนเทนเนอร์ ESS (Energy Storage System) ขนาด 20 ฟุต ซึ่งสามารถนำไปติดตั้งและใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ Ubontech ยังให้บริการแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของ EPC (Engineering, Procurement, and Construction) และ Training เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

3 การใช้งานหลักของแบตเตอรี่ใน Data Center: คุณภาพ ประหยัด สำรอง

แบ่งการใช้งานแบตเตอรี่ ESS หลักๆ ออกเป็น 3 ด้านสำคัญ:

1. Power Quality (คุณภาพพลังงาน): แบตเตอรี่ ESS ช่วยให้กระแสไฟฟ้ามีเสถียรภาพและคุณภาพที่ดี สามารถทำ Grid Support, Voltage Regulation, Frequency Regulation รวมถึงการจ่าย Reactive Power และ Active Power เพื่อรักษาระดับแรงดันและความถี่ ป้องกันปัญหาไฟตกหรือความถี่ผิดปกติที่อาจส่งผลเสียต่ออุปกรณ์
2. Saving (การประหยัดพลังงาน/การจัดการพลังงาน): นี่คือ "หัวใจหลัก" ของแบตเตอรี่ ESS ในปัจจุบัน แบตเตอรี่สามารถ ดูดซับพลังงานส่วนเกิน จากโซลาร์เซลล์หรือแหล่งอื่น ๆ เพื่อนำกลับมาใช้เมื่อพลังงานไม่เพียงพอ ที่สำคัญคือช่วยในการทำ Energy Arbitrage (Time-of-Use Management) ทำให้สามารถซื้อไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ถูก และปล่อยออกมาใช้ในช่วงเวลาพีคที่มีค่าไฟแพง เพื่อลดค่าใช้จ่าย และยังช่วยทำ Peak Shaving หรือการควบคุมโหลดสูงสุดของไฟฟ้าจากกริด เพื่อลดค่า Demand Charge ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรม
3. Backup (สำรองไฟ): แม้แบตเตอรี่จะสามารถสำรองไฟได้ ชี้ให้เห็นว่าการใช้แบตเตอรี่เพื่อสำรองไฟ Data Center ทั้งหมดเป็นระยะเวลานานนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงมักเลือกใช้สำหรับการสำรองโหลดที่สำคัญเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการใช้แบตเตอรี่เพื่อ Saving ที่มีเจตนาในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยีและความปลอดภัย: หัวใจของแบตเตอรี่ ESS

สำหรับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Lithium-ion Phosphate (LFP) ยังคงเป็น "พระเอก" ในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมี ความปลอดภัยสูง ต้นทุนคุ้มค่า และมี อายุการใช้งานยาวนาน กว่าเมื่อเทียบกับ NMC ส่วนระบบระบายความร้อน เทคโนโลยีปัจจุบันเกือบทั้งหมดใช้ Liquid Cooling ที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิเซลล์แบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและความปลอดภัยสูงสุด

ในด้านความปลอดภัยของแพ็คแบตเตอรี่และตู้คอนเทนเนอร์ มีการติดตั้ง เซ็นเซอร์ ตรวจจับความร้อน ก๊าซไวไฟ และควัน รวมถึง ระบบดับเพลิงแบบ Clean Agent (FK 5112) ในตู้ตามมาตรฐาน NFPA พร้อมการเตรียมท่อแห้งสำหรับ Water Backup ในกรณีฉุกเฉิน

อุปสรรคและแนวโน้ม: มุ่งหน้าสู่ Data Center แห่งอนาคต

แม้ราคาแบตเตอรี่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งใน อุปสรรคสำคัญ ในการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม การออกแบบแบตเตอรี่ในปัจจุบันที่รองรับการติดตั้งแบบ Side-by-Side และ Back-to-Back ช่วยให้ ประหยัดพื้นที่ติดตั้งได้ถึง 30% ซึ่งสำคัญต่อการลดต้นทุนที่ดิน

Ubontech มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันแบตเตอรี่ที่ตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ซับซ้อนของ Data Center โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสามารถในการประหยัดพลังงาน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนเป้าหมายการเป็น Carbon-Free ของอุตสาหกรรมในอนาคต