เปิดอันดับประเทศ เด็กมีสุขภาพจิตดี หลังยุคโควิด-โลกร้อน ทำเด็กเครียด

เด็กยุคปัจจุบันเติบโตขึ้นในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งโรคระบาด ความขัดแย้ง และภัยจากสภาพอากาศที่เลวร้าย พวกเขาต้องปรับตัวให้ทันกับความก้าวหน้าทางดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางประชากรที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตในหลากหลายมิติ

ทั้งนี้ หลังจากเกิดอุบัติการณ์ COVID-19 ที่ทำให้ต้องปิดโรงเรียนที่เกิดขึ้นทั่วโลกทำให้เด็กจำนวนมากสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้ไปอย่างมหาศาล ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงต่อสุขภาพเด็กยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มลพิษทางอากาศ สารเคมีสังเคราะห์ และไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมล้วนเป็นภัยที่ไม่อาจมองข้าม วัสดุที่เป็นพิษถูกพบในของเล่น เสื้อผ้า และแม้แต่ในบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ แม้ว่าประเทศยากจนจะได้รับผลกระทบอย่างไม่สมส่วน แต่ประเทศที่ร่ำรวยก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงวิกฤตนี้ได้เช่นกัน
 

การเติบโตในประเทศที่มั่งคั่งและมีทรัพยากรสมบูรณ์ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเด็กจะมีวัยเด็กที่ปลอดภัยและมีความสุข ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วต้องเผชิญกับการลดลงของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สุขภาพจิตที่ถดถอย และปัญหาสุขภาพกายที่รุนแรงขึ้น แนวโน้มที่น่ากังวลเหล่านี้กำลังคุกคามศักยภาพในอนาคตและความเป็นอยู่โดยรวมของเด็กทั่วโลก

รายงาน Innocenti Report Card 19 จัดทำโดยยูนิเซฟ อินโนเซนติ (UNICEF Innocenti) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลของยูนิเซฟ ได้ทำการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างปี 2561 และ 2565 เพื่อนำเสนอภาพรวมของผลกระทบจากโควิด-19 และมาตรการปิดประเทศที่มีต่อเด็กใน 43 ประเทศในกลุ่ม OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา) และสหภาพยุโรป เพื่อตอบคำถามหลักสามข้อ คือ

• เด็กๆ มีวิถีชีวิตอย่างไรเมื่อเผชิญกับสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมักไม่สามารถคาดเดาได้?
• ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อชีวิตของเด็กมีอะไรบ้าง?
• สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก?

Top 10 ประเทศตามสุขภาพจิต

• อันดับ 1 เนเธอร์แลนด์
• อันดับ 2 โปรตุเกส
• อันดับ 3 เดนมาร์ก
• อันดับ 4 สเปน
• อันดับ 5 โรมาเนีย
• อันดับ 6 ฮังการี 
• อันดับ 7 กรีซ
• อันดับ 8 อิตาลี
• อันดับ 9 โครเอเชีย
• อันดับ 10 บัลแกเรีย

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าในประเทศสมาชิก OECD/EU ทั้ง 43 ประเทศมีเด็กที่มีความสุขกับชีวิตน้อยลง รายงานนี้ยังสะท้อนความกังวลด้านสุขภาพจิต โดยระบุว่า ความพึงพอใจในชีวิตของเด็กลดลงอย่างมากใน 14 จาก 32 ประเทศที่มีข้อมูล โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่มีแนวโน้มด้านนี้ดีขึ้น

ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ซึ่งต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงต่อเหตุการณ์และภาวะช็อกระดับโลกมากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนในอัตราการฆ่าตัวตายของวัยรุ่น มีทั้งการเพิ่มขึ้น คงที่ และลดลงในแต่ละประเทศ

อัตราการฆ่าตัวตาย

ระหว่างปี 2018 ถึง 2022 อัตราการฆ่าตัวตายในหมู่วัยรุ่นลดลงใน 18 ประเทศ แต่เพิ่มขึ้นใน 17 ประเทศ โดยรวมแล้ว ภาพรวมของกลุ่มประเทศเหล่านี้ค่อนข้างคงที่ในช่วงเวลาดังกล่าว อัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มอายุนี้สูงกว่าในกลุ่มผู้ชายมากกว่าในกลุ่มผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าช่องว่างนี้จะดูเหมือนแคบลงก็ตาม

โบ วิกเตอร์ ไนลุนด์ ผู้อำนวยการยูนิเซฟ อิโนเชนติ กล่าวว่า ก่อนเกิดโรคระบาด เด็กๆ ก็เผชิญกับปัญหาหลายด้านอยู่แล้ว อีกทั้งไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ แม้ในประเทศที่ร่ำรวย ณ ตอนนี้ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับการศึกษา สุขภาพ และความเป็นอยู่ของเด็ก เพื่ออนาคตและความสุขของพวกเขาในระยะยาว รวมถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสังคมด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

 

อ้างอิง : Unicef