ซีพีเอฟ ชูธง 'พลังงานสะอาด 100%' ในฟาร์มไก่ไข่ต้นแบบ ตอกย้ำผู้นำเกษตรยั่งยืน

ท่ามกลางความท้าทายของวิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศ ซีพีเอฟ (CPF) ได้แสดงเจตนารมณ์อันเด่นชัดในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยพลังงานสะอาด โดยล่าสุดได้พัฒนาฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีให้เป็น “RE100 Farm” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในทุกกระบวนการดำเนินงานของฟาร์มแห่งนี้ ความสำเร็จนี้ได้รับการรับรองจากบริษัท LRQA (ประเทศไทย) จำกัด สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างแท้จริง

“พลังงานแสงอาทิตย์” และ “พลังงานชีวภาพจากมูลไก่” คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีสู่การเป็นฟาร์มพลังงานสะอาด 100% โดยฟาร์มได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 360 กิโลวัตต์พีค (kWp) บนหลังคาโรงเรือน ควบคู่ไปกับการนำมูลไก่มาผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งเป็นกระบวนการ “Waste to Value” ที่เปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ กล่าวว่าทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจนของซีพีเอฟในการบูรณาการเรื่อง “พลังงานสะอาด” เข้าสู่กระบวนการผลิตอาหารอย่างจริงจัง คำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการประกาศความสำเร็จของฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “เน้นย้ำ” ถึงความสำคัญของการใช้พลังงานสะอาดในบริบทของการผลิตอาหารที่ “ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม” และมุ่งสู่ “ความยั่งยืน” ในระยะยาว

ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการผลิตอาหารที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าองค์กรไม่ได้มองเพียงแค่ผลกำไรทางธุรกิจ แต่ยังตระหนักถึง “ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน การผลิตอาหารไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างผลผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็น “พันธกิจ” ที่สำคัญของซีพีเอฟในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

การพัฒนาฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีให้เป็นฟาร์มที่ใช้พลังงานสะอาด 100% ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดผลกระทบต่อโลก  ชี้ให้เห็นว่าซีพีเอฟมองว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในภาคการเกษตรเป็น  ส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาระดับโลก อย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิมอาจมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการต่างๆ ทั้งจากการใช้พลังงานฟอสซิล การจัดการของเสีย และการดำเนินกิจกรรมอื่นๆ การที่ฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีสามารถพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนได้ 100% จึงเป็นการ “ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง” และเป็นแบบอย่าง ที่ดีให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

การใช้ “เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” เป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีประสิทธิภาพ หรือการนำระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ (EMS) มาใช้ ล้วนเป็น “การลงทุน” ที่สำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนกว่า

เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคมโดยรวมตอกย้ำถึงเป้าหมายสูงสุด ของซีพีเอฟในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ การใช้พลังงานสะอาดไม่ได้เป็นเพียงแค่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อความมั่นคงทางพลังงานขององค์กรในระยะยาว ลดความผันผวนจากราคาพลังงานฟอสซิล และสร้าง ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ในฐานะผู้ผลิตอาหารที่ใส่ใจต่อโลก 

พีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ความโดดเด่นของการใช้พลังงานสะอาดในฟาร์มแห่งนี้ว่า “ฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบูรณาการพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ ไม่เพียงแต่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และก๊าซชีวภาพได้ 100% เท่านั้น แต่เรายังได้ติดตั้ง ‘ระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ (EMS)’ เพื่อให้การใช้พลังงานสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการพึ่งพาพลังงานจากภายนอก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 1,000 ตันคาร์บอน ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่าแสนต้น”

การชูจุดเด่นเรื่องพลังงานสะอาดในฟาร์มไก่ไข่ต้นแบบเป็นการสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทยและระดับโลก ในการให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง ซีพีเอฟมุ่งมั่นที่จะขยายโมเดลฟาร์มพลังงานสะอาดนี้ไปยังฟาร์มอื่นๆ ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาด

ความสำเร็จของฟาร์มไก่ไข่จันทบุรีในการเป็นฟาร์มพลังงานสะอาด 100% ตอกย้ำถึง “วิสัยทัศน์” ของซีพีเอฟในการเป็นผู้นำด้านการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดเป็นหัวใจสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net-Zero 2050 อย่างแท้จริง