เจ้าชายฮิซะฮิโตะ ผู้สืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่น แถลงครั้งแรก ชูวาระสิ่งแวดล้อม

ความมุ่งมั่นของเจ้าชายฮิซะฮิโตะแห่งญี่ปุ่น วางตัวของพระองค์ในฐานะผู้สนับสนุนอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ส่งสัญญาณไปยังอนาคตที่สดใสและตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งสำหรับญี่ปุ่นและโลกโดยรวม
KEY
POINTS
- เจ้าชายฮิซะฮิโตะ ผู้สืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่นลำดับที่ 2 ประกาศขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม ทรงบรรลุนิติภาวะในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
- สมาชิกของราชวงศ์คนแรกที่บรรลุนิติภาวะภายใต้ ประมวลกฎหมายแพ่งฉบับใหม่ ซึ่งลดอายุการบรรลุนิติภาวะจาก 20 ปีเป็น 18 ปีในปี 2022
- ทรงแสดงบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
"เจ้าชายฮิซะฮิโตะ" ผู้สืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่นลำดับที่ 2 ทรงบรรลุนิติภาวะในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ทำให้พระองค์กลายเป็นสมาชิกชายคนแรกของราชวงศ์ญี่ปุ่นที่บรรลุนิติภาวะในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่พระบิดาของพระองค์ "มกุฎราชกุมารฟูมิฮิโตะ" ในปี 1985 และยังเป็นสมาชิกของราชวงศ์คนแรกที่บรรลุนิติภาวะภายใต้ ประมวลกฎหมายแพ่งฉบับใหม่ ซึ่งลดอายุการบรรลุนิติภาวะจาก 20 ปีเป็น 18 ปีในปี 2022
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2025 เจ้าชายฮิซะฮิโตะได้จัดงานแถลงข่าวครั้งแรกที่บ้านพัก อาคา ซากะ เอสเตท ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อต้อนรับการบรรลุนิติภาวะของพระองค์ โดยเจ้าชายวัย 18 ปี ทรงแสดงความตั้งใจที่จะดำรงพระราชกรณียกิจด้วยความระมัดระวังและความตระหนัก โดยพระองค์กล่าวว่า "บทบาททางสัญลักษณ์ของจักรพรรดิเป็นบทบาทที่คิดถึงประชาชนและใกล้ชิดกับประชาชนเสมอ" ซึ่งสะท้อนความคิดของพระบิดา จักรพรรดิอากิฮิโตะ
พระองค์ทรงกล่าวต่อไปว่า "เป็นสิ่งสำคัญ (สำหรับราชวงศ์) ที่จะต้องให้ความสนใจกับชีวิตของประชาชนและสภาพของสังคม" โดยในรัฐธรรมนูญหลังสงครามของญี่ปุ่น บทบาทของจักรพรรดิถูกกำหนดไว้ว่า "เป็นสัญลักษณ์ของรัฐและความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชนญี่ปุ่น"
เจ้าชายฮิซะฮิโตะได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็นประเด็นระดับโลกที่เขาสนใจ โดยกล่าวว่า “ผมกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย และส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน”
เจ้าชายทรงยอมรับว่าการไปศึกษาต่อต่างประเทศจะเป็นโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งพระองค์จะพิจารณาหลังจากปรึกษากับพระบิดามารดาของพระองค์แล้ว ขณะเดียวกันทรงตรัสว่า "พระองค์ยังไม่ได้คิดมากนักถึงช่วงเวลาหรือคู่ครองที่เหมาะสม" เกี่ยวกับการแต่งงาน
ปัจจุบัน เจ้าชายฮิซะฮิโตะทรงศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนมัธยมปลายโอตสึกะใน มหาวิทยาลัยซึคุบะ ซึ่งเจ้าชายจะเริ่มศึกษาวิชา ชีววิทยา ที่คณะวิทยาศาสตร์ชีวิตและสิ่งแวดล้อมในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ พระองค์กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามีความหลงใหลในแมลงโดยเฉพาะแมลงปอ และข้าพเจ้าหวังที่จะศึกษาเกี่ยวกับมันอย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะทุ่มเทในการศึกษาให้เต็มที่ในขณะที่ยังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมเสริมต่างๆ"
มุ่งมั่นต่ออนาคตที่ยั่งยืน
การสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมของเจ้าชายฮิซะฮิโตะได้แสดงออกมาในหลายรูปแบบ ตั้งแต่การสนับสนุนโครงการระดับโลกจนถึงการมีส่วนร่วมในโครงการที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในระดับท้องถิ่น การเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมทำให้เห็นว่าเจ้าชายฮิซะฮิโตะไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ทางการ แต่เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นต่ออนาคตที่ยั่งยืน
หนึ่งในโครงการสำคัญที่เจ้าชายฮิซะฮิโตะมีส่วนร่วมคือการสนับสนุนการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการหาทางแก้ไขเพื่อ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหาร เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทาย เช่น การมีประชากรเกษตรกรสูงอายุ การลดลงของประชากรในชนบท และพื้นที่การเกษตรที่จำกัด
การมีส่วนร่วมของเจ้าชายฮิซะฮิโตะยังสะท้อนถึงการสนับสนุนของญี่ปุ่นในการบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเฉพาะ SDG 13 (การกระทำเพื่อสภาพภูมิอากาศ), SDG 7 (พลังงานสะอาดและราคาไม่แพง) และ SDG 12 (การบริโภคและการผลิตที่รับผิดชอบ)
การปรากฏตัวในที่สาธารณะ
การสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมของเจ้าชายฮิซะฮิโตะเห็นได้ชัดจากการเข้าร่วมการประชุมและการพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน แม้ว่าพระองค์จะยังไม่ได้เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในงานระดับนานาชาติที่สำคัญ แต่พระองค์ก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมวาระสีเขียวของญี่ปุ่น
ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 พระองค์ได้เยี่ยมชม สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (NIES) ซึ่งพระองค์ได้พบปะกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความพยายามของญี่ปุ่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
นอกจากนี้ การสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมของเจ้าชายฮิซะฮิโตะยังรวมถึงการเยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมเกษตรกรรมในพื้นที่ชนบทของญี่ปุ่น ซึ่งมีการพูดคุยเกี่ยวกับเทคนิคการเกษตรที่ยั่งยืน การเกษตรอินทรีย์ และความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนในระบบการผลิตอาหารของญี่ปุ่น
สถิติที่สำคัญของญี่ปุ่น
ความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นในการพัฒนาความยั่งยืนเริ่มปรากฏชัดเจนในนโยบายและเป้าหมายระดับชาติ
การปล่อยก๊าซคาร์บอน : ญี่ปุ่นเป็น ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นอันดับ 5 ของโลก คิดเป็นประมาณ 3.4% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก (2021) แม้ญี่ปุ่นจะมีความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซ แต่ประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายในการบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ประเทศญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 46% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2013 ซึ่งต้องการการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในระบบพลังงานของญี่ปุ่น
พลังงานทดแทน : ในปี 2022 พลังงานทดแทนคิดเป็นประมาณ 20.8% ของการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งหมดของญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ 36-38% ภายในปี 2030 และเดินหน้าสู่การเป็น สังคมที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงพึ่งพาพลังงานฟอสซิลมากถึง 75% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านพลังงานทดแทน
การจัดการขยะ : ญี่ปุ่นมีอัตราการรีไซเคิลขยะในครัวเรือนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีการรีไซเคิลประมาณ 80% ของขยะจากครัวเรือน ประเทศญี่ปุ่นมีชื่อเสียงในเรื่องกฎหมายการจัดการขยะที่เข้มงวดและแคมเปญการสร้างความตระหนักในสาธารณะ แต่ยังคงมีความท้าทายเกี่ยวกับการเผาขยะและมลพิษจากพลาสติก ญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลง 25% ภายในปี 2030
ความยั่งยืนด้านเกษตรกรรม : ด้วยการที่ประชากรเกษตรกรในญี่ปุ่นสูงอายุและความสามารถในการผลิตลดลง ประเทศญี่ปุ่นกำลังมุ่งสู่การใช้ เทคโนโลยีเกษตรกรรมที่ยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรญี่ปุ่นมีอายุเกิน 65 ปี ซึ่งทำให้จำนวนแรงงานในพื้นที่ชนบทลดลงและทำให้ต้องพึ่งพานวัตกรรมในภาคเกษตรกรรม
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังลงทุนใน เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ เช่น การจัดการพืชผลด้วย AI และโดรนเพื่อการเกษตรที่แม่นยำ ซึ่งสอดคล้องกับความสนใจของเจ้าชายฮิซะฮิโตะในการรับรองความมั่นคงทางอาหารพร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อ้างอิง : Kyodo News