เตือน ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ อายุ 80 ปี เสี่ยงน้ำท่วม-พายุถล่ม ควรเลิกใช้งาน

คณะกรรมการกำกับดูแลนิวเคลียร์ (NRC) ขยายใบอนุญาตการดำเนินงานของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เครื่องของในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เติร์กกีพอยต์ (Turkey Point facility) ที่สร้างไว้ตั้งแต่ปี 1967 และถือว่าเป็นเครื่องที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐ ปีจนถึงปี 2053 ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่หลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง

Miami Waterkeeper กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเตือนว่า การยืดอายุการใช้งานโรงไฟฟ้าแห่งนี้ออกไปอีกหลายสิบปี ทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ในฟลอริดาตอนใต้ซึ่งมีประชากรหนาแน่น

โรงไฟฟ้าเติร์กกีพอยต์ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าให้กับประชากรประมาณ 3 ล้านคนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไมอามี-เดด ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งระดับต่ำและได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนที่รุนแรงครั้ง ทำให้มีความเสี่ยงสูงจะที่เกิดน้ำท่วม และเกิดความร้องสูงเกินไปจากภาวะฉุกเฉินทางสภาพอากาศ 

ความเสี่ยงที่สำคัญอีกอย่างคือการปนเปื้อนของน้ำดื่มในชั้นหินอุ้มน้ำบิสเคย์น  ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าและหน่วยนิวเคลียร์ทั้งสองแห่ง เนื่องจากเจ้าของโรงไฟฟ้าอย่าง Florida Power & Light (FPL) ไม่ได้ทำความสะอาดน้ำเกลือที่มีพิษ ซึ่งเกิดจากเครือข่ายท่อระบายความร้อนของเครื่องปฏิกรณ์ตามกำหนด ทำให้ค่อย ๆ ไหลเข้าใกล้แหล่งน้ำจืดมากขึ้น

เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งสองเครื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ เป็นหนึ่งในเครื่องปฏิกรณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดา 94 เครื่องที่ยังคงใช้งานอยู่ในสหรัฐ และมีอายุมากกว่าเตาปฏิกรณ์ทรีไมล์ไอส์แลนด์ ในเพนซิลเวเนียที่พังถล่มบางส่วนในปี 1979 นับเป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในสหรัฐและเกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีจำนวนมาก  รวมถึงยังแก่กว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอโนบิลซึ่งเกิดภัยพิบัติในปี 1986 อีกด้วย

โรงไฟฟ้าเติร์กกีพอยต์ยังมีอายุเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ ในญี่ปุ่น ที่เกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์จากผลกระทบของแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในปี 2011 

“ไม่มีใครจำเป็นต้องเตือนว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร แต่ฉันจะบอกว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากผู้คนหลายล้านคนไม่เกิน 30 ไมล์” เรเชล ซิลเวอร์สไตน์ ซีอีโอของ Miami Waterkeeper ซึ่งทำงานร่วมกับ Friends of the Earth และ Natural Resources Defense Council ในการออกกฎหมายเพื่อพยายามขัดขวางการขยายใบอนุญาต กล่าว

โรงไฟฟ้าเติร์กกีพอยต์เริ่มต้นใช้งานเมื่อต้นทศวรรษปี 1970 และได้รับการต่ออายุใบอนุญาตครั้งแรกจนถึงช่วงทศวรรษปี 2030 ถือเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกในสหรัฐที่ยื่นขอการใช้งานยาวนานถึง 80 ปี และยังไม่มีที่ใดในโลกที่เคยใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นานถึง 80 ปี 

“เรารู้ดีว่าโลกกำลังมองหาแหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำ เราไม่ได้ต่อต้านนิวเคลียร์ แต่หากเราจะพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานหลัก เราก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศของโรงไฟฟ้าด้วย เพราะเราต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ และเราต้องยกระดับ เสริมกำลัง พร้อมเตรียมโรงไฟฟ้าเหล่านี้ให้พร้อมสำหรับพายุ น้ำท่วม ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ภัยแล้ง และความร้อน” ซิลเวอร์สไตน์กล่าว

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมมือกับชนเผ่ามิคโคซูกี ชาวพื้นเมืองที่อยู่อาศัยในฟลอริดา ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของ NRC ที่ต่อใบอนุญาตให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “กฎ 80 ปี” ที่ขยายระยะเวลาใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้นานขึ้น โดยให้เหตุผลว่าหน่วยงานกำกับดูแลไม่ให้ความสำคัญกับรายงานของรัฐบาลที่ระบุว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงเกิดอันตรายต่อโรงไฟฟ้าเติร์กกีพอยต์”

รายงานยังระบุด้วยว่า NRC ควรจะต้องออกใบเตือนหรือเก็บค่าปรับกับ FPL เจ้าของโรงไฟฟ้า ในกรณีที่ปรับอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นที่ 40 องศาเซลเซียส ซึ่งละเมิดต่อข้อบังคับอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงสุดให้อยู่ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียสเมื่อปี 2014 แต่กลับระบุว่าอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสเป็นตัวเลขที่ยอมรับได้

นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยืนกรานว่าอายุการใช้งานจริงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นต่ำกว่าแนวปฏิบัติของ NRC ที่ตั้งไว้ถึง 80 ปี และชี้ให้เห็นว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐครึ่งหนึ่งต้องถูกปลดประจำการภายใน 40 ปี เพราะตามรายงานของ Seacoast Anti-Pollution League ระบุว่า “ในกรณีส่วนใหญ่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเสื่อมสภาพ พัง หรือไม่สามารถทำงานได้ตามปรกติ”

ทั้งนี้ FPL ได้ให้คำตอบโดยละเอียดต่อข้อกังวลที่ Miami Waterkeeper โรงไฟฟ้าเติร์กกีพอยต์ Turkey Point สร้างขึ้นในพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเล 6 เมตร ซึ่งสูงกว่าความสูงคลื่นพายุซัดฝั่งที่บันทึกไว้ในฟลอริดาตอนใต้ และเคยเผชิญหน้ากับพายุเฮอร์ริเคนแอนดรูว์ที่รุนแรงระดับ 5 ในปี 1992 แต่ก็ไม่รับความเสียหายและไม่กระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของโรงไฟฟ้ท

“ความปลอดภัยคือรากฐานสำคัญของการดำเนินงานด้านนิวเคลียร์ของเรา โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดของเราได้รับการออกแบบมาให้ทนต่อแผ่นดินไหว พายุเฮอร์ริเคน และเหตุการณ์ธรรมชาติอื่น ๆ ที่รุนแรงกว่าที่เคยบันทึกไว้ในแต่ละภูมิภาค” บิล ออร์เลิฟ โฆษกของ FPL กล่าว

พร้อมระบุว่า 10 ปีที่ผ่านมา  FPL ได้ลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับอัปเกรดโรงไฟฟ้าเติร์กกีพอยต์ อีกทั้งโรงงานมีช่วงเวลาหยุดทำงานและบำรุงรักษาตามปรกติ เพื่อให้แน่ใจว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะดำเนินงานอย่างปลอดภัยได้ในระยะยาว และบูรณาการกับแหล่งพลังงานสะอาดอื่น ๆ รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่สำรอง และมีปั๊มกำลังสูงจะช่วยให้มีน้ำหล่อเย็นสำรองเพิ่มเติมสำหรับระบบความปลอดภัย โดยผู้ปฏิบัติงานสามารถปิดโรงงานได้ภายในไม่กี่วินาทีในกรณีฉุกเฉิน

ที่มา: Phys, The Guardian