ตัดอ้อยสด"ลดฝุ่นPM2.5 รัฐเคาะ8.3พันล้านอุดหนุน

ตัดอ้อยสด"ลดฝุ่นPM2.5 รัฐเคาะ8.3พันล้านอุดหนุน

ครม.เคาะ8.3 พันล้านช่วยชาวไร่อ้อย ตันละ 120 บาทหวังจูงใจใช้วิธีตัดสดแทนใช้ไฟไหม้ก่อนตัดต้นเหตุก่อฝุ่นPM2.5

คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่20 ก.ย. 2565 มีมติอนุมัติในหลักการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5ฤดูการผลิตปี 2564/2565 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอเพืิ่่อเป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานผ่านการสมทบจ่ายค่าแรงงานให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสดแทนการตัดอ้อยไฟไหม้

สำหรับความช่วยเหลือดังกล่าวเพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดเป็นกรณีเฉพาะเป็นการชั่วคราวภายในกรอบวงเงินโครงการ 8,319.24 ล้านบาทตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ประกอบด้วย

1. การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานเท่านั้น ในอัตรา 120 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นอัตราที่กระทรวงการคลัง (กค.) ได้ให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของอัตราค่าใช้จ่ายแล้ว ในวงเงิน 8,159.14 ล้านบาท

2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของ ธ.ก.ส. สำหรับชดเชยต้นทุนเงินในอัตราต้นทุนทางการเงินของ ธ.ก.ส. ประจำไตรมาส บวก 1 (ปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส) ปัจจุบันคิดเป็น 1.95% ต่อปี และค่าบริหารจัดการรายละ 5 บาทวงเงิน 160.10 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5ฤดูการผลิตปี 2564/2565 ใช้จ่ายจากแหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยภาระทางการเงินให้แก่ ธ.ก.ส. ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป โดยโครงการฯ โดย ธ.ก.ส. โอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีธนาคารของชาวไร่อ้อยโดยตรงในอัตรา 120 บาทต่อตันเพื่อเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดส่งโรงงานมากขึ้น และตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ฤดูการผลิตปี 2564/2565

 โดยมีปริมาณอ้อยสดที่ให้ความช่วยเหลือทั้งสิ้น จำนวน 67.99 ล้านตันมีรูปแบบการดำเนินการและอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกับการดำเนินการในฤดูการผลิตปี 2563/2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งว่าโครงการนี้ไม่ขัดต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO)เนื่องจากมาตรการดังกล่าวเป็นไปตามพันธกรณีในข้อกำหนดด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Green box) ด้านการเกษตร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและราคาสินค้ารวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังว่า อัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือ 120 บาทต่อตัน มีความเหมาะสม และได้รับแจ้งจาก ธ.ก.ส. ว่า ธ.ก.ส. มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการสำรองจ่ายเงินช่วยเหลือตามโครงการฯ ไปพลางก่อนอีกทั้งโครงการฯ ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 ด้วยแล้ว โดยรูปแบบโครงการที่เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงตามปริมาณอ้อยตามเงื่อนไขที่กำหนดในครั้งนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ฤดูการผลิตปี 2561/2562