'ทรานส์ลูเซีย - ไอดิลเลียส์' เปิดโลกเมตาเวิร์ส ดึง AI ต่อยอดประสบการณ์ดิจิทัล

ทรานส์ลูเซีย (Translucia) แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สขนาดใหญ่ โดยบริษัท ทรานส์ลูเซีย จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส ภายใต้กลุ่มบริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล ประเทศไทย (T&B Media Global) เดินหน้าสร้างระบบนิเวศ หรือ อีโคซิสเท็ม (Ecosystem) ที่สมบูรณ์แบบ รองรับและเชื่อมต่อโครงการเมตาเวิร์สต่างๆ ที่จะเข้ามาอยู่ร่วมกันบนศูนย์รวมเมตาเวิร์ส ทรานส์ลูเซีย (Translucia : The Interconnected Metaverse) อย่างไร้รอยต่อ 

ดึง AI ต่อยอดประสบการณ์ดิจิทัล ชูจุดขายเชื่อมโลกเมตาเวิร์ส ขับเคลื่อนพลังบวกสู่สังคม

ในงาน "AI REVOLUTION 2024 : TRANSFORMING THAILAND ECONOMY" จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" พิมสาย ชี้เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Translucia ร่วมเสวนาในหัวข้อ "Metaverse" ว่า ในยุคที่เมตาเวิร์สกำลังเป็นที่จับตามองจากนี้สู่โลกอนาคต "ทรานส์ลูเซีย" เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่มในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สามารถเชื่อมต่อกิจกรรมบนโลกจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไปพร้อมๆ กับการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างแท้จริง

"เป้าหมายหลักของทรานส์ลูเซียคือ การสร้างอนันตจักรวาลเมตาเวิร์สที่พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนและส่งต่อพลังบวกให้กับผู้คนและสังคม หรือ Engine For Positive Change"

ทั้งนี้ ทรานส์ลูเซีย มุ่งมั่นที่จะสร้าง "ดิจิทัลโซไซตี" ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เพื่อให้ทุกๆ คนสามารถสร้างและแบ่งปันสิ่งดีๆ ร่วมกันในโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความสุขและความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนเป็นพื้นที่ "สร้างโอกาส" ได้อย่างไม่สิ้นสุดให้กับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสังคม องค์กรต่างๆ ภาคธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โดยมี Engine ที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของแพลตฟอร์มโลกเสมือนนี้ ผ่านการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และศักยภาพของ Engine รวมถึงช่วยสร้างสรรค์องค์ประกอบสำคัญในการสร้างโลกเสมือนอย่าง 3D โมเดล คอนเทนต์ หรือคาแรกเตอร์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างโลกเสมือนให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งภาคธุรกิจและครีเอเตอร์ อาทิ ช่วยให้แบรนด์เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ผ่านการนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ หรือแม้แต่การมีเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยต่อยอดไอเดียและย่นระยะเวลาในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ได้บนแพลตฟอร์มของทรานส์ลูเซีย

"ทรานส์ลูเซีย" ยังได้พัฒนาประสิทธิภาพของ AI ร่วมกับ เอ็มคิวดีซี ไอดิลเลียส์ (MQDC Idyllias) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกในการนำ AI มาต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ โดยพัฒนาให้ AI เป็นอีกหนึ่งผู้ช่วย (AI Agent) ในการให้ข้อมูลและโต้ตอบกับลูกค้าได้ในหลากหลายภาษา ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่ม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

สร้างมูลค่า - คุณค่าเพิ่มผ่านเมตาเวิร์ส พร้อมชู Immersive Experiences สร้างความต่าง

สอดรับไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจของ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หรือ MQDC ประกาศโรดแมป "เมตาเวิร์ส" ภายใต้โปรเจกต์ "เอ็มคิวดีซี ไอดิลเลียส์" ซึ่งเป็นโครงการเมตาเวิร์สในคอนเซปต์ "เมตตา - เวิร์ส (Metta-verse)" โลกเสมือนที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยคุณค่าของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต หรือ All Lives Visible ตามปรัชญา "For All Well-Being" ของ MQDC โดยเลือกใช้เทคโนโลยี XR (Extended Reality) และ AI มาช่วยสร้างประสบการณ์แห่งความสุขให้กับผู้เข้าใช้งานทุกคน โดยได้ร่วมกับ "ทรานส์ลูเซีย" (Translucia) แพลตฟอร์มใหญ่ของ "ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล" ในการรองรับเมตาเวิร์สจำนวนมหาศาล ให้เข้ามาอยู่ร่วมกันในโลกเสมือนเชื่อมกันอย่างไร้รอยต่อ ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในโลกธุรกิจยุค AI 

ภารุต เพ็ญพายัพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มคิวดีซี ไอดิลเลียส์ ร่วมเสวนาในหัวข้อ "How AI and Innovative Tech Engines Shape the Future of Digital Interaction for Positive Societal Impact" กล่าวว่า เอ็มคิวดีซี ไอดิลเลียส์ เป็นโลกเสมือนที่ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์แห่งความสุขจากความเชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงแบบไร้รอยต่อ เพื่อแก้ปัญหา "ข้อจำกัด" ในโลกแห่งความจริงที่จะถูกนำไปพัฒนาให้สามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลกเสมือน ภายใต้คอนเซปต์ "Internet of Place" ศูนย์รวมประสบการณ์และ ส่งมอบวิถีชีวิตที่มีความสุขทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน เป็นสถานที่ ที่ผู้ใช้งานสามารถพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์รูปแบบใหม่ขึ้นภายในโลกเมตาเวิร์ส เพื่อรองรับการจับจ่ายและธุรกรรมที่เชื่อมโยง ระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ในการสร้างมูลค่าและคุณค่าเพิ่ม

"ปัจจุบัน เราเป็นผู้พัฒนา Virtual Real Estate Tour และ AI Agent เพื่อช่วยในการขายอสังหาริมทรัพย์ในเครือ MQDC ให้กับกลุ่มลูกค้าต่างชาติและคนไทย โดยจะมีการพัฒนาการใช้งานได้ทั้งหมด 3 ภาษาคือ ไทย อังกฤษ และจีน ในแบบเรียลไทม์ คาดว่าเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปี 2567 นี้"

ทั้งนี้ AI Agent จะสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าและตอบโต้ได้ โดยมีการพัฒนาข้อมูลจากทีมขายโดยตรง เพื่อให้ AI ได้เรียนรู้ข้อมูลคำถามและคำตอบที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการพัฒนา Virtual Real Estate Tour เพื่อให้ข้อมูลกับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทางมายังโครงการได้รับรู้ข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบ 3D ที่ให้ประสบการณ์เสมือนจริงที่แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งปัจจุบันพัฒนาไปแล้วกว่า 80% และคาดว่าจะสามารถเปิดตัวบริการดังกล่าวได้ใน 6 เดือน

ทั้งหมดนี้ เป็นโซลูชันที่เข้ามาช่วยในการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ MQDC ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

"จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการนี้มากว่า 3 ปี จะเห็นการขึ้นลงของเทคโนโลยีตามสภาวะเศรษฐกิจ มีหลายกรณีที่ไม่ตอบโจทย์ ซึ่งปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า มีกระแสข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่ลดขนาดธุรกิจลงรวมถึงเมตาเวิร์ส แต่หลังจากต้นปีนี้เป็นต้นมา พบว่า เทคโนโลยี AI จะกลับมาเติบโตมากขึ้น เช่น การที่ดิสนีย์ร่วมลงทุนใน Epic Games ผ่านการเข้าถือหุ้นคิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง Immersive Experience นับเป็นทิศทางในตลาดโลกที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้"

ดังนั้น "เมตาเวิร์ส" จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในเวทีระดับประเทศและระดับโลกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งต่อยอดธุรกิจในเครือ MQDC ให้มีความแข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันสูงขึ้นตามพันธกิจและเป้าหมายผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถส่งต่อและเชื่อมประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า