อสังหาฯ รับสัญญาณบวกยุบสภาเร่งเลือกตั้ง–ปลดล็อกงบปี’70

อสังหาฯ รับสัญญาณบวกยุบสภาเร่งเลือกตั้ง–ปลดล็อกงบปี’70

อสังหาฯ ชี้การยุบสภาคือจุดเปลี่ยนสำคัญสัญญาณบวกสร้างความชัดเจนทางนโยบาย เปิดทางจัดทำงบปี 2570 ทันเวลา และลดความเสี่ยงเศรษฐกิจสะดุดซ้ำรอยเดิม

ค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เป็นอีกค่ำคืนที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจารึกไว้ เมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ได้ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยตามรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่า ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45–60 วันนับแต่ พ.ร.ฎ. มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา
    หาก พ.ร.ฎ. ประกาศในวันที่ 11 ธ.ค. 2568 ไทม์ไลน์ใหม่ของประเทศจะนำไปสู่การเลือกตั้งไม่เกินช่วงวันที่ 25 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้กำหนดวันและกรอบเวลาที่ชัดเจนต่อไป
    ในระหว่างนี้ “อนุทิน” และคณะรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่รัฐบาลรักษาการ จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเข้ารับตำแหน่ง

ภาคอสังหาฯ มองบวก ยิ่งเลือกตั้งเร็ว ยิ่งปลดล็อกความชัดเจน

นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่าการยุบสภาครั้งนี้เป็น “สัญญาณบวก” ต่อสภาพแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพราะทำให้ประเทศเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างชัดเจน เปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจเลือกนโยบายและบุคคลที่จะเข้ามาแก้ปัญหาในพื้นที่ของตน

เขาระบุว่า ช่วงรัฐบาลรักษาการ นโยบายด้านเศรษฐกิจหลายเรื่องอาจไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะมาตรการที่มีผลผูกพันระยะยาว ทำให้ต้องรอรัฐบาลใหม่มารับช่วงต่อ ขณะที่ด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่น่ามีผลกระทบ เพราะยังอยู่ในกลไกของฝ่ายความมั่นคงและกองทัพซึ่งทำงานต่อเนื่อง
 

 ย้ำ ตั้งรัฐบาลเร็วคือทางรอดเศรษฐกิจ

อีกประเด็นที่ภาคธุรกิจจับตามอง คือ ความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งเคยเกิดขึ้นในยุครัฐบาลเศรษฐา ที่งบประมาณไม่สามารถประกาศใช้ได้ทันเวลา ส่งผลกระทบร่วงยาวถึงการเบิกจ่าย การลงทุน และแรงส่งทางเศรษฐกิจ

นายอิสระชี้ว่าการเลือกตั้งเร็ว คือ “ข้อดีสูงสุด” ของการยุบสภาครั้งนี้ เพราะจะทำให้รัฐบาลใหม่สามารถจัดทำงบประมาณปี 2570 ได้ทันกรอบเวลา ป้องกันวงจรล่าช้าที่ฉุดเศรษฐกิจซ้ำ

ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ สมการการเมืองเปิดทุกหน้าต่าง

ต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ขั้วการเมืองหลายพรรคยังไม่ปรากฏทิศทางชัดเจน รอบนี้ นายอิสระเชื่อว่าพรรคต่าง ๆ ได้เตรียม “สูตรสมการการเมือง” ไว้อย่างรอบด้าน ทั้งรูปแบบรัฐบาลผสม สัดส่วน ส.ส. และยุทธศาสตร์ต่อรอง ซึ่งทำให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลอาจไม่ยืดเยื้อเหมือนในอดีต

การยุบสภาครั้งนี้ไม่เพียงเป็นจุดเปลี่ยนการเมือง แต่ยังเป็น “เข็มทิศใหม่ทางเศรษฐกิจ” ที่ภาคธุรกิจคาดหวังว่าจะนำพาประเทศกลับสู่ความชัดเจน เดินหน้าได้ทันกรอบงบประมาณปี 2570 และสร้างแรงส่งใหม่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของประเทศไทย