ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัว หลังร่วงลงหนักสุดในรอบสัปดาห์ กังวลซัพพลาย

บลูมเบิร์ก รายงาน ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัว หลังร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์โดยได้รับผลกระทบจาก สต็อกน้ำมันเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ของรัสเซีย 2 แห่งที่จะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สัญญาส่งมอบงวดเดือนมกราคม ซื้อขายเหนือ 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

น้ำมันดิบเบรนท์ ปิดต่ำกว่า 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่น (ซึ่งรวมดีเซล) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งเดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่กลุ่มอุตสาหกรรมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ ปีนี้อยู่ในแดนลบ จากความกังวลต่อภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อราคา มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของสหรัฐฯ ต่อบริษัทยักษ์ใหญ่รัสเซีย Rosneft PJSC และ Lukoil PJSC มีกำหนดเริ่ม 21 พ.ย. และบทลงโทษที่กำลังจะมาถึงนี้ได้ส่งผลต่อทิศทางการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย โดยเฉพาะไปยังอินเดีย

ขณะนี้มีผู้สนใจหลายรายเตรียมเข้าซื้อธุรกิจต่างประเทศของ Lukoil หลังโดนคว่ำบาตร ตัวแทนของ Exxon Mobil Corp ได้พบกับรัฐมนตรีน้ำมันอิรัก ฮายัน อับดุล กานีเพื่อหารือเกี่ยวกับหุ้นของบริษัทรัสเซียในแหล่ง West Qurna 2 ซึ่งคิดเป็น 10% ของการผลิตน้ำมันอิรัก

การส่งออกเชื้อเพลิงของรัสเซียช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายนลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน จากผลของมาตรการคว่ำบาตรและการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานโรงกลั่นที่ทำให้การส่งออกหยุดชะงัก

อัปเดตราคาน้ำมัน เช้านี้ ( 20 พ.ย. 68)  

 ราคาWTI งวดส่งมอบมกราคม เพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ 59.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เวลา 8:17 น. ตามเวลาสิงคโปร์  สัญญาส่งมอบเดือนธันวาคม (จะหมดอายุวันพฤหัสบดี) เพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 59.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  

ราคาเบรนท์ งวดมกราคม ปิดลบ 2.1% ที่ 63.51 ดอลลาร์ต่อบาร์ในวันพุธ