ราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่อในสัปดาห์นี้ กังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด

บลูมเบิร์ก รายงานราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงเป็นสัปดาห์ที่สอง เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดในระดับที่มากขึ้นกว่าคาดการณ์เดิม

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) พุ่งขึ้นแตะระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ยังคงมีแนวโน้มลดลงประมาณ 2% ต่อสัปดาห์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดใกล้ระดับ 63 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.68) กำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนที่แล้ว เนื่องจากสมาชิกสำคัญได้กลับมาเพิ่มการผลิตอีกครั้ง ส่งผลให้การผลิตในประเทศอื่นๆ รวมถึงบราซิลและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงประมาณ 17% ในปีนี้ โดยสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่าภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 2569 จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 

ตัวชี้วัดราคาหลักยังแสดงให้เห็นว่าภาพรวมกำลังแย่ลง โดยส่วนต่างราคาสัญญาฟิวเจอร์ WTI เดือนแรกเมื่อเทียบกับสัญญาเดือนถัดไป ซึ่งเรียกว่าพรอมป์สเปรด ได้แคบลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาใกล้ระดับต่ำสุดในเดือนกุมภาพันธ์

เทรดเดอร์จะติดตามรายงานต่างๆ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงรายงานจาก IEA และองค์กรร่วงประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก  เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับดุลยภาพระหว่างอุปทานและอุปสงค์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ภัยคุกคามต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสอง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ยูเครนได้เพิ่มการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของมอสโก ขณะที่วอชิงตันกำลังเพิ่มแรงกดดันหลังจากเดือนที่แล้วได้คว่ำบาตรผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สองรายของสมาชิกโอเปกพลัส

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าจะไม่อนุมัติใบอนุญาตให้ Gunvor Group เข้าซื้อกิจการระหว่างประเทศของบริษัทน้ำมันรัสเซีย Lukoil PJSC ส่งผลให้เทรดเดอร์สินค้าโภคภัณฑ์รายนี้ถอนข้อเสนอซื้อหุ้นออกไปในขณะนี้ สินทรัพย์ที่ขายรวมถึงผลผลิตน้ำมันดิบขั้นต้นทั่วโลก ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบต่อวันของเอกวาดอร์

อัปเดตราคาเช้านี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 59.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 8:44 น. ตามเวลาเช้าวันศุกร์ที่สิงคโปร์

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับเดือนมกราคมลดลง 0.2% ปิดที่ 63.38 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี