เศรษฐศาสตร์เรื่องเล่า ความหวังเศรษฐกิจไทย

เศรษฐศาสตร์เรื่องเล่า ความหวังเศรษฐกิจไทย

เศรษฐศาสตร์ในสายตาของคนทั่วไปมักถูกมองว่าเป็นศาสตร์แห่งตัวเลขและแบบจำลองเชิงคณิตศาสตร์ เต็มไปด้วยสมการที่ซับซ้อนและตารางสถิติที่ดูห่างไกลจากชีวิตประจำวัน

แต่ Robert Shiller เจ้าของรางวัลโนเบลเศรษฐศาสตร์กลับชี้ให้เห็นอีกมุมหนึ่งว่า เศรษฐกิจนั้นขับเคลื่อนไม่เพียงด้วยปัจจัยเชิงปริมาณ หากยังถูกหล่อหลอมด้วยเรื่องเล่า หรือ narrative ที่แพร่กระจายในสังคม

เรื่องเล่าเหล่านี้บางครั้งทรงพลังยิ่งกว่าตัวเลข เพราะมันกระทบต่อความเชื่อ ความหวังและความกลัวของผู้คน ซึ่งท้ายที่สุดก็สะท้อนออกมาในการตัดสินใจลงทุน การใช้จ่ายและการเมืองเชิงนโยบาย แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า เศรษฐศาสตร์เชิงเรื่องเล่า (Narrative Economics) และกลายเป็นเลนส์ใหม่ที่ช่วยอธิบายปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่วิธีการแบบเดิมไม่สามารถอธิบายได้

หากมองย้อนกลับไป ทุกวิกฤติหรือช่วงเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจล้วนมีเรื่องเล่าเป็นแกนขับเคลื่อน ยุค Roaring Twenties ของสหรัฐก่อนปี 2472 คือภาพฝันว่าความมั่งคั่งเอื้อมถึงได้ง่ายเพียงลงทุนในหุ้น แต่หลังตลาดพัง เรื่องเล่าก็พลิกเป็นความกลัวและความประหยัด จนยืดความตกต่ำให้ยาวนานขึ้น เรื่องเล่าเหล่านี้ไม่ใช่ถ้อยคำลอยๆ หากคือพลังที่กำหนดวิถีชีวิตและความเชื่อมั่นของผู้คนทั้งรุ่น

Shiller อธิบายว่าพลวัตของเรื่องเล่าสามารถเปรียบเทียบได้กับการแพร่ระบาดของโรค แบบจำลอง SIR ในทางระบาดวิทยาซึ่งแบ่งผู้คนเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อ และผู้หายจากโรค ถูกนำมาปรับใช้เพื่อทำความเข้าใจการแพร่ของเรื่องเล่าเชิงเศรษฐกิจ

เรื่องเล่าบางเรื่องเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆ เมื่อมันถูกเล่าซ้ำ ผ่านปากต่อปาก สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย เรื่องเล่าก็แพร่ไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสหลัก แล้วในที่สุดก็ค่อยๆ จางหายไปเมื่อผู้คนเลิกพูดถึงหรือมีเรื่องเล่าใหม่มาแทนที่

การแพร่กระจายเช่นนี้ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริงเพียงอย่างเดียว แต่ยังขับเคลื่อนด้วยความเชื่อที่ถูกผลิตและส่งต่อกันในรูปแบบของเรื่องเล่า

ตัวอย่าง Bitcoin สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งนอกจากเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการเงินแล้ว ยังเป็นเรื่องเล่าที่ผสมผสานของภาพฝัน การต่อต้านรัฐ ความลึกลับของผู้สร้าง และความหวังเรื่องเสรีภาพทางการเงิน สกุลเงินดิจิทัลนี้กลายเป็นไวรัลพร้อมกับกระแสการประท้วง Occupy Wall Street ในปี 2544  และความไม่พอใจต่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

เรื่องเล่านี้ยังคงพัฒนาและปรับตัวตลอดเวลา แม้จะมีความผันผวนรุนแรง แต่ทุกครั้งที่ราคาพุ่งสูงหรือตกต่ำ ก็ตอกย้ำพลังของเรื่องเล่าในฐานะไวรัสที่ดึงดูดผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม

ในประเทศไทยมีตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐศาสตร์เชิงเรื่องเล่า หนึ่งในนั้นคือ “ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ช่วงก่อนวิกฤติปี 2540” ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเรื่องเล่าว่าราคาที่ดินไม่มีวันตกและคอนโดคือบันไดลัดสู่ความมั่งคั่ง

เรื่องเล่านี้แพร่กระจายผ่านสื่อ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และการสนทนาในวงสังคม กลายเป็นความเชื่อที่ฝังแน่นในนักลงทุนและประชาชนทั่วไป ความจริงเชิงสถิติเรื่องการก่อสร้างล้นตลาดถูกละเลย เพราะภาพจำของการลงทุนที่กำไรแน่นอนครอบงำจิตใจ และเมื่อฟองสบู่แตก เรื่องเล่านี้ก็เปลี่ยนทันทีเป็นความหวาดกลัวหนี้เสียและการล้มละลาย

นอกจากนี้ เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคก็มีบทบาทอย่างมาก ไทยแลนด์ 4.0 ไม่ใช่เพียงแผนยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังอาจนับเป็นเรื่องเล่าที่สร้างขึ้นเพื่อปลุกความหวังให้ประเทศก้าวสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม เรื่องเล่านี้มีภาพจำของหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมชีวภาพ และสตาร์ตอัปที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด

แม้ผลลัพธ์ทางตัวเลขจะยังไม่ชัดเจน แต่เรื่องเล่าได้ทำหน้าที่กำหนดทิศทางการลงทุนของรัฐและเอกชน รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้คนเห็นว่าการทำธุรกิจเทคโนโลยีคืออนาคต

ความท้าทายของไทยคือ การมีเรื่องเล่าหลายกระแสที่แข่งขันกัน บางเรื่องเล่าสร้างแรงบวก เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค หรือการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล แต่บางเรื่องเล่าก็สร้างความกลัว เช่น หนี้ครัวเรือนไทยสูงที่สุดในโลก หรือ เอไอจะมาแย่งงานคนไทย และชนชั้นกลางจะตกงานมหาศาล

เรื่องเล่าเหล่านี้มีผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุนไม่น้อยไปกว่าตัวเลขจริง หากผู้กำหนดนโยบายเข้าใจพลวัตนี้ ก็สามารถสร้างเรื่องเล่าแก้ ที่ช่วยเสริมพลังบวก ลดความตื่นตระหนก และทำให้สังคมเดินไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น

เศรษฐศาสตร์เชิงเรื่องเล่าเตือนเราว่า การจะเข้าใจเศรษฐกิจไม่ได้หมายถึงการเฝ้าดูตัวเลข GDP อัตราดอกเบี้ย หรืออัตราเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ต้องเฝ้าฟังเรื่องเล่าที่กำลังแพร่หลายอยู่ในสังคมด้วย เรื่องเล่าเหล่านี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเฟื่องฟูครั้งใหม่ หรือเป็นสัญญาณเตือนของวิกฤตที่จะมาถึง

สิ่งที่ประเทศไทยต้องการในยามนี้ คือ เรื่องเล่าที่ปลุกความหวัง โดยไม่ปฏิเสธความจริง เรื่องเล่าที่ทำให้คนธรรมดารู้สึกว่าตนมีพลังเปลี่ยนอนาคตของตัวเอง รัฐบาลใหม่ควรเป็นผู้บ่มเพาะและขยายเรื่องเล่านี้ ไม่ใช่ทำผ่านนโยบายอย่างเดียว แต่ผ่านภาษาที่เข้าใจง่าย

และบางที เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ อาจเริ่มจากเรื่องเล่าธรรมดาที่จุดประกายความหวัง เรื่องเล่าที่แพร่เชื้อจนกลายเป็นพลังฟื้นประเทศ

คำถามสำคัญคือ รัฐบาลใหม่จะมีเรื่องเล่าดีๆ เพื่อสร้างความหวังให้กับผู้คนและอนาคตเศรษฐกิจไทยได้หรือไม่?

 

เศรษฐศาสตร์เรื่องเล่า ความหวังเศรษฐกิจไทย