'วรภัค' แจง Fitch ปรับ Outlook ไทยเป็นลบ ย้ำรัฐเดินหน้ารัดเข็มขัดการคลัง

'วรภัค' แจง Fitch ปรับ Outlook ไทยเป็นลบ ย้ำรัฐเดินหน้ารัดเข็มขัดการคลัง

'วรภัค' แจง Fitch ปรับมุมมองไทยเป็นลบ เตือนปัญหาการคลังและการเมือง ย้ำรัฐบาลเร่งสร้างเชื่อมั่นรัดเข็มขัดการคลัง พ.ย.นี้ ทำแผน MTFF ขาดดุลลดลงหลังปีงบ 69 เน้นเพิ่มรายได้มีวินัยรายจ่าย

KEY

POINTS

  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดมุมมองความน่าเชื่อถือของไทยเป็น 'ลบ' โดยมีสาเหตุหลักจากหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ
  • 'วรภัค' รมช.คลัง ชี้แจงว่าการปรับลดมุมมองเป็นเพียง 'สัญญาณเตือน' ไม่ใช่วิกฤติ และยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง
  • รัฐบาลเตรียมจัดทำกรอบการคลังระยะกลางฉบับใหม่ในเดือนพ.ย. เพื่อแสดงแผนงานที่ชัดเจนในการลดการขาดดุลและควบคุมหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 65% ของ GDP

นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงกรณีที่ Fitch Ratings สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกได้ปรับมุมมอง (Outlook) ของประเทศไทยจาก 'มีเสถียรภาพ' (Stable) เป็น 'ลบ' (Negative) โดยยังคงอันดับเครดิตที่ 'BBB+' พร้อมระบุว่า สาเหตุหลักไม่ใช่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของความน่าเชื่อมั่นด้านการคลังและการเมืองที่กำลังสั่นคลอน

นายวรภัคระบุว่า Fitch มองเห็นปัจจัยความเสี่ยง 3 ประการที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของไทย ได้แก่

1. หนี้สาธารณะที่สูงขึ้น เนื่องจากหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดิมที่อยู่ราว 35-36% ของ GDP ก่อนเกิดโควิด-19 ตอนนี้สูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 61% และคาดว่าจะเพิ่มไปแตะ 65% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากไม่มีการควบคุมการขาดดุลอย่างจริงจัง

2. ความไม่แน่นอนทางการเมือง เกิดการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและความเสี่ยงจากการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ Fitch กังวลว่ากรอบการคลังระยะกลาง (Medium-Term Fiscal Strategy) จะขาดความต่อเนื่องและไม่มีความชัดเจน

3. เศรษฐกิจที่เติบโตต่ำ โดยคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปีหน้าอาจทำได้เพียง 2.2% ซึ่งเป็นผลจากแรงกดดันด้านการส่งออกที่ต้องเผชิญกับภาษี 19% ของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นไปตามเป้า โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมาเต็มที่

รัฐบาลใหม่เดินหน้ารัดเข็มขีดการคลัง

แม้รัฐบาลใหม่จะเพิ่งเข้ามาบริหารได้เพียง 4 เดือน แต่นายวรภัคยืนยันว่าจะไม่เพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนนี้ และได้เริ่มวางแนวทาง 'มาตรการรัดเข็มขัดการคลัง' (Fiscal Consolidation) เพื่อปรับฐานะการคลังให้กลับสู่เส้นทางที่ยั่งยืน

โดยในเดือนพ.ย.นี้ รัฐบาลจะจัดทำ กรอบการคลังระยะกลางฉบับใหม่ (Medium-Term Fiscal Framework - MTFF) เป็นครั้งแรก ซึ่งจะเป็นการนำเสนอแผนงาน (roadmap) ที่ชัดเจนต่อสาธารณะว่าจะมีการปรับลดการขาดดุลอย่างไร เพื่อไม่ให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจนเกินควบคุม

โดยแนวคิดหลักของแผนงานนี้คือการสร้างความน่าเชื่อมั่นว่าการขาดดุลจะค่อยๆ ลดลงหลังปีงบประมาณ 2569 และระดับหนี้ต่อ GDP จะมีเสถียรภาพอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 65% พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ภาครัฐและจัดลำดับรายจ่ายอย่างมีวินัย

ชี้ 'ลบ' ไม่ใช่วิกฤต แต่เป็นสัญญาณเตือน

นายวรภัค สรุปว่า การที่ Fitch ปรับมุมมองเป็น 'ลบ' ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ใกล้ตัว แต่เป็นการ 'ส่งสัญญาณเตือน' ว่าหากไทยไม่แสดงแผนการคลังที่ชัดเจน ความเชื่อมั่นก็จะสั่นคลอนอย่างแน่นอน และนี่คือโจทย์สำคัญที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อแสดงให้นักลงทุนและตลาดเห็นว่าประเทศไทยยังคงรักษาวินัยทางการคลังและความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจไว้ได้อย่างมั่นคง