‘คลัง’ เผยจัดเก็บรายได้ 10 เดือนแรก ทะลุ 2.25 ล้านล้าน พลาดเป้า 4 หมื่นล้าน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 – ก.ค. 2568) โดยรัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิรวม 2,250,117 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 40,827 ล้านบาท หรือเติบโต 1.8% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 37,637 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6%

ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย มาจากการลดลงของภาษีสำคัญหลายประเภท โดยเฉพาะภาษีรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ประกอบกับปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและภาษีเงินได้นิติบุคคลก็จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้สิทธิประโยชน์ในเขตปลอดอากรที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อพิจารณาการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษีหลัก พบว่าทุกหน่วยงานจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการทั้งหมด ได้แก่

กรมสรรพากร ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดเก็บรายได้หลัก จัดเก็บได้ 1,824,453 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 11,910 ล้านบาท หรือ 0.6%

กรมสรรพสามิต ได้รับผลกระทบหนักที่สุด จัดเก็บรายได้ 446,728 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าถึง 56,260 ล้านบาท หรือ 11.2%

กรมศุลกากร จัดเก็บได้ 95,261 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 6,339 ล้านบาท หรือ 6.2%

อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณบวกจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งทำได้สูงกว่าเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ โดยนำส่งรายได้รวม 156,996 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการถึง 17,020 ล้านบาท หรือ 12.2% เช่นเดียวกับการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่นที่จัดเก็บได้ 151,150 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 17,393 ล้านบาท หรือ 13.0%

ด้านฐานะการคลังของประเทศ ณ สิ้นเดือนก.ค. 2568 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 2,248,003 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 3,165,629 ล้านบาท เพื่อรักษาสภาพคล่องและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลเป็นจำนวน 827,805 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม 2568 รัฐบาลมีเงินคงคลังทั้งสิ้น 405,752 ล้านบาท

กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์การจัดเก็บรายได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการรายได้ให้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงทางการคลังต่อไป