ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นเล็กน้อย หลังทรัมป์ขยายเวลาผ่อนปรนภาษีจีน

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (12 ส.ค.68) ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายเวลาผ่อนปรนการขึ้นภาษีนำเข้าจีนของสหรัฐฯออกไปอีก 90 วัน เพิ่มความหวังความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกกำลังดีขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายเกือบ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ยังคงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) อยู่ใกล้ 64 ดอลลาร์ หลังจากการซื้อขายที่ซบเซาในวันจันทร์ (11 ส.ค.) ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งขยายเวลาสงบศึกกับจีนไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน ด้วยการเลื่อนเส้นตายการขึ้นภาษีในวันอังคารออกไป

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 10% ในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกำลังเผชิญกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากที่กลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ได้ยกเลิกมาตรการลดกำลังการผลิตในปี 2023 แม้จะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

นักลงทุนจะจับตาการประชุมระหว่างทรัมป์และวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อรอดูสัญญาณว่ามาตรการคว่ำบาตรผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รายนี้จะได้รับการผ่อนคลายลงหรือไม่ แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะลดความคาดหวังเกี่ยวกับข้อตกลงยุติสงครามในยูเครนเมื่อวันจันทร์ก็ตาม

“ผมคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงอยู่ในกรอบจนถึงการประชุมวันศุกร์ แต่จะอ่อนไหวต่อแรงกดดันขาลงเล็กน้อย” วันดานา ฮารี ผู้ก่อตั้งบริษัทวิเคราะห์ตลาดน้ำมัน แวนดา อินไซต์ส กล่าว

ปริมาณการซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์รวมลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมในวันจันทร์ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายวันอย่างมาก ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังใช้ความระมัดระวังในการแสวงหาความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้ม รายงานรายเดือนจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) และกระทรวงพลังงานสหรัฐฯซึ่งจะถูถเผยแพร่ในวันอังคารนี้ อาจช่วยชี้แนวโน้มอุปทานและอุปสงค์ของน้ำมันดิบ

อัปเดตราคาเช้านี้

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับงวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 66.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ เวลา 8:57 น. ตามเวลาสิงคโปร์

ราคาน้ำมันดิบ WTI สำหรับงวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 64.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล