กรมพัฒนาที่ดิน หนุนเกษตรกรใช้ e-Service ตรวจสอบดิน รู้ผลไว วางแผนปลูกพืชได้อย่างแม่นยำ

นางปิ่นเพชร ดีล้อม ผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน (พด.)  เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดิน ส่งเสริมเกษตรกรใช้ระบบ e-Service ตรวจสอบดินเพื่อการเกษตร เพื่อให้ได้ผลการวิเคราะห์ดิน ที่จะนำไปสู่คำแนะนำในการใช้ปุ๋ย และวัสดุปรับปรุงดินที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตดี เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยที่เกินความจำเป็น

ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดินมุ่งหวังให้การวิเคราะห์ดิน เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการผลิต นำไปสู่เกษตรกรรมที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกษตรกร ใช้ที่ดินของตนเองได้อย่างเหมาะสม ตรงตามศักยภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยอำนวยความสะดวกด้านการเกษตร ตามนโยบายของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ซึ่งระบบ e-Service ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร นักวิชาการ และนักวิจัยจากหน่วยงานต่าง ๆ ปี 2568 มีเกษตรกรสนใจขอรับบริการตรวจวิเคราะห์ดินจำนวนไม่ต่ำกว่า 15,000 ราย

“ดินที่ดีควรมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นการวิเคราะห์ตรวจสอบธาตุอาหารในดินจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินได้อย่างแม่นยำ ให้ได้ดินที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกพืช กรมพัฒนาที่ดินมีบริการ e-Service ตรวจสอบ วิเคราะห์ดินทางห้องปฏิบัติการแล้ว ยังเพิ่มช่องทางการให้บริการตรวจวิเคราะห์ดินในรูปแบบที่ง่าย รวดเร็ว คือการตรวจวิเคราะห์ดินด้วยชุดตรวจสอบดิน (LDD Test Kit)”

นางปิ่นเพชร กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรและประชาชนสามารถขอรับบริการวิเคราะห์ดินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนเลือกห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินได้เอง จาก 13 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งประกอบด้วยห้องปฏิบัติการส่วนกลางที่กรุงเทพฯ และอีก 12 แห่งในสังกัดสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต ทั้งนี้ระบบจะแสดง ลำดับคิวรายการวิเคราะห์ดินของแต่ละห้องปฏิบัติการแบบเรียลไทม์ และเปิดให้ ติดตามสถานะการวิเคราะห์ได้ตลอดเวลา

เกษตรกรและผู้สนใจ สามารถขอรับบริการผ่าน ตรวจสอบวิเคราะห์ดินเพื่อการเกษตร ทราบผลวิเคราะห์ภายใน 30 วัน หลังจากตัวอย่างดินถึงห้องปฏิบัติการขั้นตอนการใช้บริการ e-Service ตรวจสอบดิน

1.​เข้าสู่เว็บไซต์ตรวจสอบวิเคราะห์ดิน 

2.​ลงทะเบียน/เข้าสู่ระบบ สำหรับผู้ใช้งานครั้งแรก ให้ลงทะเบียนด้วยเลขบัตรประชาชน

3.​กรอกข้อมูลพื้นที่ปลูก ระบุที่ตั้งแปลง พืชเป้าหมาย ข้อมูลพื้นฐานการเพาะปลูก

4.​เลือกห้องปฏิบัติการ ระบบแสดงรายชื่อและคิวให้บริการของห้องปฏิบัติการทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ

5.​ส่งตัวอย่างดิน บรรจุดินในถุงพลาสติกสะอาด 0.5–1 กิโลกรัม พร้อมแนบเลขที่ใบคำขอ ผ่านไปรษณีย์ไปยังห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินที่เลือกขอรับบริการ

6.​ติดตามสถานะผ่านระบบ โดยระบบจะแจ้งขั้นตอนการรับตัวอย่าง การวิเคราะห์ และกำหนดวันทราบผล

7.​รับผลวิเคราะห์ออนไลน์ โดยการดาวน์โหลดผลได้ทันทีเมื่อวิเคราะห์เสร็จ พร้อมคำแนะนำการจัดการดิน

อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่สนใจ สามารถติดต่อขอรับบริการตรวจวิเคราะห์ดินอย่างง่าย ได้ที่หมอดินอาสาของ กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 และสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมพัฒนาที่ดิน โทร 1760