'นกแอร์' เร่งติดปีกเพิ่มฝูงบิน ปรับแผนเพิ่มทุน 7.2 พันล้าน

สายการบินนกแอร์ เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการหลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ซึ่งนกแอร์มีเป้าหมายที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับการบริหาร และการจัดการเที่ยวบิน และการคืนเงินค่าบัตรโดยสารแก่เจ้าหนี้

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2568 นกแอร์ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ โดยขอขยายระยะเวลาแผนฟื้นฟูกิจการออกไปอีก 1 ปี รวมเป็น 6 ปี

“วุฒิภูมิ จุฬางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ถึงความคืบหน้าดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยระบุว่า ได้ดำเนินการตามแผน เจรจากับเจ้าหนี้ และชำระหนี้คืนตามกำหนดมาอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่าฟ้องร้องกว่า 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเหลือประมาณ 400 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะชำระหนี้ครบกำหนดตามสัญญาภายในปี 2571

อีกทั้งแก้ไขแผนฟื้นฟูเพื่อปรับเพิ่มกรอบการเพิ่มทุน จากเดิมนกแอร์กำหนดจะเพิ่มทุน 5,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มเป็น 7,200 ล้านบาท เนื่องจากต้องการนำเงินส่วนนี้ไปซื้อเครื่องยนต์ ซ่อมเครื่องบิน เช่าเครื่องบินใหม่ ปรับปรุงบริการผู้โดยสาร และใช้หมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง

ขณะเดียวกัน เพิ่มกรอบการจัดหาเงินกู้โดยให้อำนาจผู้บริหารแผนสามารถพิจารณาจัดหาเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดิมกำหนด 2,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท และเป็นกรอบวงเงินกู้ก้อนใหม่ที่เพิ่มเติมจากในช่วงแรกของการฟื้นฟูกิจการที่นกแอร์ได้ดำเนินการกู้ไปแล้วจำนวน 2,700 ล้านบาท โดยวงเงินกู้ก้อนใหม่นี้ ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนเจรจากับผู้ถือหุ้นที่ยังคงพร้อมสนับสนุนนกแอร์

ทั้งนี้ เป้าหมายของการปรับแผนฟื้นฟูครั้งใหม่นี้ เพื่อให้แผนฟื้นฟูกิจการสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งด้านการเงิน และการดำเนินงานขององค์กร 

โดยผู้ถือหุ้นของนกแอร์ยังคงมั่นใจในแผนฟื้นฟู และแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังจะเป็นแผนที่สนับสนุนการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้เร็วกว่าที่กำหนด และกลับเข้าไปซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ปรับแผนเพิ่มทุน 7.2 พันล้านบาท

“แผนฟื้นฟูที่ปรับปรุงใหม่ทั้งในเรื่องการเพิ่มทุนเป็น 7,200 ล้านบาท ยังไม่มีกรอบกำหนดว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่ แต่เรามีเป้าหมายเพื่อจะใช้เงินส่วนนี้ในการซื้อเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งมีราคาสูง ซ่อมเครื่องบินเพื่อให้พร้อมรองรับในช่วงไฮซีซัน และจัดหาเครื่องบินใหม่ในระยะสั้นประมาณ 2 ลำ รุ่นโบอิง 737-800 ซึ่งจะทยอยรับมอบในเดือนพ.ย.นี้ และเอาไปเพิ่มความถี่เที่ยวบิน เช่น จีน และอินเดีย”

สำหรับการเพิ่มทุนครั้งใหม่นี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการหารือภายใน ซึ่งจะต้องพิจารณาแนวทางการเพิ่มทุนที่เหมาะสม แต่รูปแบบที่ผ่านมานกแอร์ไม่ใช้วิธีแปลงหนี้เป็นทุน ดังนั้นรูปแบบทั่วไปที่จะพิจารณาอาจจะเป็นการเพิ่มทุน หรือการออกหุ้น โดยรูปแบบที่เหมาะสมจะมีการเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) และฝ่ายบริหารพิจารณาอีกครั้ง

ภาพรวมของการฟื้นฟูกิจการในช่วงที่ผ่านมา เรื่องการชำระหนี้ไม่เป็นปัญหาที่กังวล เพราะที่ผ่านมานกแอร์ไม่เคยคิดนัดชำระหนี้ แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วงอีก 3 ปีที่เหลือภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการนั้นคือ การผลักดันเป้าหมายทำอย่างไรให้องค์กรยั่งยืน เพิ่มฐานลูกค้า และตอกย้ำการเป็นสายการบินที่มีจุดแข็งเส้นทางบินในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นของนกแอร์ ได้มีการหารือเพื่อพัฒนาระบบจำหน่ายบัตรโดยสาร และการจองเที่ยวบินร่วมกัน เพื่อทำให้เส้นทางบินระหว่างการบินไทย และนกแอร์ สามารถส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกันอย่างสะดวก 

รวมทั้งสอดคล้องไปกับเป้าหมายของนกแอร์ที่มีกลยุทธ์เดินหน้าองค์กรภายใต้คอนเซปต์ Hub and Spoke โดยมีเส้นทางบินหลัก เช่น ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นศูนย์กลางหลัก และส่งต่อผู้โดยสารไปยังเมืองรองในเส้นทางอื่นๆ ทั่วประเทศ

“เส้นทางบินของการบินไทยที่เน้นระหว่างประเทศ และหัวเมืองหลักในประเทศ ทำให้เราได้มีการหารือกับการบินไทยเพื่อส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกัน โดยนกแอร์จะรองรับเส้นทางบินภายในประเทศที่เรามีจุดบินครอบคลุมทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง กลยุทธ์นี้จะทำให้นกแอร์สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งระบบขายตั๋วร่วมกันนั้น กำลังเจรจา อย่างเร็วที่สุดน่าจะเกิดขึ้นในปีนี้”

เปิดแผนเพิ่มฝูงบิน “นกแอร์”

“วุฒิภูมิ” เล่าเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนกแอร์มีขนาดฝูงบิน 14 ลำ เป็นรุ่นโบอิง 737-800 ทั้งหมด เตรียมเช่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวอีก 2 ลำในช่วงไฮซีซัน นาน 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ย.2568 - เม.ย.2569 และตามแผนฟื้นฟูกิจการจะรับมอบเครื่องบินถาวรเพิ่มอีกปีละ 2 ลำ ตั้งแต่ปี 2569-2571 ส่งผลให้ในสิ้นปี 2571 นกแอร์จะมีฝูงบินรวมไม่น้อยกว่า 20 ลำ

สำหรับทิศทางการทำตลาดของนกแอร์ในปีนี้ เน้นโฟกัส “ตลาดเส้นทางบินในประเทศ” อย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนอีก 20% เป็นรายได้จากตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยตอนนี้นกแอร์ให้บริการเส้นทางบินสู่จีน 3 เส้นทาง อาทิ เจิ้งโจว และหนานจิง และอินเดียอีก 2 เส้นทาง ขณะที่เส้นทางบินใหม่สู่ประเทศอื่นๆ มีแผนเปิดเพิ่มในปลายปีนี้

“เป้าหมายรายได้ และจำนวนผู้โดยสารของนกแอร์ในปี 2568 จำเป็นต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด เพราะสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยตอนนี้ส่งผลกระทบหนักมาก สายการบินทุกสายประสบปัญหาหมด เฉพาะนกแอร์ได้ปรับลดความถี่เที่ยวบินไปจีนพอสมควร ให้สอดรับกับดีมานด์ที่ชะลอตัว" 

ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจัดทำโครงการสนับสนุนเที่ยวประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) พร้อมจัดเวทีนัดหมายเจรจาธุรกิจ นำผู้ประกอบการเอเย่นต์ทัวร์จากจีนจำนวน 400 รายมาสำรวจบรรยากาศความเชื่อมั่น และสินค้าท่องเที่ยวไทยในปลายเดือนพ.ค.นี้

ห่วงผลกระทบเงินบาทแข็งค่า

อีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบคือ “เงินบาทแข็งค่า” กระทบต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หันไปเที่ยวประเทศอื่นแทนไทย ที่ผ่านมานกแอร์พยายามทำการตลาดตรึงนักท่องเที่ยวจีนเอาไว้ ไม่ให้ไปเที่ยวญี่ปุ่น และเวียดนามซึ่งจัดเต็มเรื่องการโปรโมตอย่างมาก 

ขณะที่นักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางเข้าไทยปีละ 6 ล้านกว่าคนนั้น เขาชอบภูเก็ต ชอบหนีหนาวมาเที่ยวทะเลไทยอยู่แล้ว นอกจากจุดขายอื่นๆ อย่างวัฒนธรรมแล้ว สิ่งสำคัญคือ ต้องจับความชอบของนักท่องเที่ยวตลาดนั้นๆ ให้เจอ เช่น นักท่องเที่ยวอินเดีย เขาชอบดูเสือ และจระเข้ ต้องจัดทัวร์เพื่อดึงเขามาไทยให้ได้

นอกเหนือจากปัจจัยสถานการณ์ตลาดที่ต้องปรับตัวแล้ว นกแอร์ยังมุ่งยกระดับบริการอย่างต่อเนื่อง เร็วๆ นี้จะมีบริการคอนเทนต์ต่างๆ บนช่องทาง VIU ที่ผู้โดยสารสามารถรับชมได้เมื่อเชื่อมต่อไวไฟบนเครื่องบินนกแอร์ เริ่มเดือน มิ.ย.นี้ 

นอกจากนี้เตรียมพลิกโฉมการชอปปิงบนเที่ยวบิน ขายวอยเชอร์ที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว เช่น นวดและสปา เจ็ตสกี แพ็กเกจทัวร์ต่างๆ และบริการศัลยกรรมความงาม ภายใต้ชื่อโปรเจกต์ “นกดีล” (Nok Deal) เริ่มเดือนก.ย.นี้ นี่คือ 2 โครงการที่จะดำเนินการระยะสั้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกระตุ้นฐานแฟนคลับของสายการบิน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์