‘ไทยพาวิเลียน’ งบเฉียดพันล้าน ‘อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ’ ชนะประมูล สบส.ยินดีรับคำวิจารณ์

การร่วมแสดงงาน World Expo 2025 Osaka, Kansai ระหว่างวันที่ 13 เม.ย.2568 ถึงวันที่ 13 ตุ.ค.2568 กระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ซึ่งการแสดงในแต่ละครั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะให้แต่ละกระทรวงผลัดกันรับผิดชอบ

ทั้งนี้ การประมูลจ้างผู้ดำเนินการ Thailand Pavilion ดำเนินการโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยวิธีการเฉพาะเจาะจง ซึ่งนายสุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประกาศผลเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2566 คือ กิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ โดยเสนอราคา 867.7 ล้านบาท

สำหรับการจัด Thailand Pavilion ครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขใช้แนวคิด  “ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” และเปิดตัวต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2568 ก่อนจะเริ่มเปิดการแสดงในช่วงดังกล่าว โดยอาคารนิทรรศการไทยจะมีการนำเสนอ 7 จุดแข็งของประเทศ ได้แก่

1.แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

2.ความพร้อมของสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก

3.แพทย์และบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ รองรับความต้องการรักษาพยาบาลของชาวต่างชาติ

4.อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสม

5.จิตใจบริการของคนไทย

6.สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน

7.ความโดดเด่นด้านการแพทย์ทางเลือก อาทิ การแพทย์แผนไทย ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก (Medical and Wellness Hub) และดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้เข้ามาลงทุน ซึ่งจะช่วยขยายตลาดอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน วันที่ 20 ธ.ค.2565 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนการดำเนินงาน และกรอบงบประมาณ การจัดงาน Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เสนอ กรอบงบประมาณจะใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปี 2566-2569 รวม 4 ปี รวม 973.48 ล้านบาท แยกเป็น

• ค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารและเตรียมงานรวม 105.60 ล้านบาท
• และสำหรับดำเนินการจัดงานนิทรรศการ รวม 867.88 ล้านบาท 

หากแยกเป็นการใช้จ่ายงบประมาณรายปีจำแนกเป็น

• ปี 2566 จำนวน 89.64 ล้านบาท
• ปี 2567 จำนวน 331.31 ล้านบาท
• ปี 2568 จำนวน 507.61 ล้านบาท
• ปี 2569 จำนวน 44.91 ล้านบาท

การจัดแสดงอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “Designing Future Society for Our Lives” การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์เพื่อเป้าหมายชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี

ในส่วนของประเทศไทยมีแนวคิดหลัก “THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness”สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ และแนวคิดรอง Thai-Smile Connecting Happiness World Destination ยิ้มสยามที่ก่อให้เกิดความสุขเป็นเป้าหมายปลายทางของคนทั่วโลก

อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ตั้งอยู่ในพื้นที่ A13 โซน Connecting  Lives รูปแบบการก่อสร้างแบบ Type A หมายถึงประเทศที่ได้รับพื้นที่ขนาดใหญ่ มีการออกแบบ และดำเนินการก่อสร้างเอง ทำให้สามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์ และวัฒนธรรม รวมไปถึงศักยภาพของประเทศไทยได้อย่างเต็มที่

นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การจัดเตรียมงานอาคารนิทรรศการไทย ภายใต้งบประมาณ 973.48 ล้านบาท โดยได้พิจารณาความคุ้มค่าและประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างสูงสุด ซึ่งช่วงวันที่ 13-15 เม.ย.2568 มีผู้เข้าชมงาน 18,076 คน และจะมีผู้เข้าชมงานตลอด 6 เดือน ประมาณ 3 ล้านคน คิดเป็น 10% ของจำนวนผู้เข้าชมงาน Expo 2025 ในภาพรวม ซึ่งจะตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติของไทย

นายแพทย์กรกฤช กล่าวว่า นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการภายใต้แนวคิด “ภูมิพิมาน” แล้ว ภายในอาคารนิทรรศการไทยยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การสาธิตนวดไทย โดยหมอนวดไทยที่มีความเชี่ยวชาญ เน้นแก้ไขกลุ่มอาการ Office Syndrome เพื่อเผยแพร่คุณค่าของศาสตร์นวดไทยที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก และกิจกรรมพิเศษอื่นๆ หมุนเวียน รวม 184 วัน

"ขอเชิญเข้าร่วมเยี่ยมชมการจัดแสดงอาคารนิทรรศการไทย และหากท่านใดมีข้อเสนอแนะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  ยินดีน้อมรับข้อเสนอแนะ และพร้อมที่แก้ไขปรับปรุงกระบวนการในการดำเนินงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำแก่ผู้ร่วมงานที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก"

ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า เพจเฟสบุ๊ค ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Thailand Pavilion ในงาน World Expo 2025 ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพาวิลเลียนประเทศไทยร่วมกับเพื่อน ครอบครัว และคนไทยที่พบเจอกันในงาน โดยส่วนตัวต้องขอยอมรับว่า รู้สึกผิดหวังอย่างมาก หลังการเยี่ยมชมได้ยินเสียงสะท้อนจากหลายคนที่ตั้งคำถามคล้ายกัน

ในขณะที่ Theme หลักของงาน Expo คือ “Future Society for Our Lives” ซึ่งเป็นการเน้นถึงอนาคตของโลก แต่เนื้อหาที่ไทยนำเสนอในพาวิลเลียนกลับย้อนกลับไปพูดถึง อดีต ธรรมชาติ อาหาร และสาธารณสุข เป็นหลัก ซึ่งหลายคนมองว่า ขัดแย้งกับธีมหลักของงานอย่างเห็นได้ชัด

โดยงานยังคงจัดต่อเนื่องอีก 5-6 เดือน และยังมีผู้เข้าชมอีกมากมาย หากหน่วยงานที่รับผิดชอบมีความกล้าและตระหนักถึงความสำคัญของภาพลักษณ์ประเทศ ควรเร่งดำเนินการปรับปรุงโดยด่วน แม้กระทั่ง “ปิดชั่วคราว” เพื่อปรับปรุง เนื้อหา (Content), การแสดง, การเล่าเรื่อง (Storytelling), เจ้าหน้าที่ต้อนรับ, การออกแบบบอร์ดและบรรยากาศโดยรวม ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ชมจากทั่วโลกได้

ทั้งนี้ มีบริษัทเอกชนไทยมากมายที่มีศักยภาพระดับโลก ขอเพียงอย่าล็อกสเปคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาก็พร้อมเข้ามาช่วยยกระดับงานนี้ ในขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบย้อนหลังว่างบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ถูกใช้ไปกับอะไร และเพราะเหตุใดผลงานจึงออกมาในสภาพเช่นนี้