'สุรพงษ์' จ่อย้าย 83 ครัวเรือนย่าน กม.11 ลุย 'บ้านเพื่อคนไทย'

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีส่งมอบบันทึกแนบท้ายสัญญาเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยระบุว่า วันนี้ (3 มี.ค.) กระทรวงฯ นำร่องทำสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนบนพื้นที่ รฟท.เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต มอบสิทธิที่ดินเพื่ออยู่อาศัยอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ได้เริ่มทำสัญญาให้กับ 2 ชุมชน รวม 241 ครัวเรือน ประกอบด้วย ประชาชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ชุมชนฟ้าใหม่ร่วมใจพัฒนา จำนวน 169 ครัวเรือน และชุมชนพุทธมณฑลสาย 2 จำนวน 72 ครัวเรือน โดยประชาชนในพื้นที่เหล่านี้จะได้สิทธิในการถือครองที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง ภายใต้สัญญาเช่า 3 ปีและสามารถต่ออายุหลังจากนั้นได้

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินของ รฟท. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายให้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. เร่งดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะเร่งรัดดำเนินการส่วนแรก 28 ชุมชน ประกอบด้วย กลุ่ม 1 รวม 2 ชุมชนที่ดำเนินการแล้ววันนี้

กลุ่ม 2 จำนวน 5 ชุมชน จะดำเนินการมอบสัญญาในวันที่ 14 มี.ค.2568 ประกอบด้วย ชุมชนคลองเปล 4, ชุมชนหัวนา, ชุมชนแปลง กม. 11, ชุมชนทุ่งสว่างตะวันออกเฟส 3 และชุมชนศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์วัดหนู และมอบหมายให้ อทส.จัดทำ ทด.3 และแจ้งเงื่อนไขการทำสัญญาเช่าอีก 21 ชุมชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มี.ค. 2568 ได้แก่ ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ภาคกลาง จำนวน 4 ชุมชน, ชุมชนภาคอีสาน จำนวน 7 ชุมชน และชุมชนภาคใต้ จำนวน 10 ชุมชน

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การทำสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟฯ ให้ถูกต้องครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อบริหารจัดการที่ดินเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและเป็นธรรม พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน โดยการดำเนินงานครั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่ย่าน กม.11 ที่รัฐบาลจะนำมาพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งจะเป็นที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การทำสัญญาสิทธิที่อยู่อาศัยเช่าที่ดินการรถไฟฯ ครั้งนี้ จะดำเนินการทั้ง 28 ชุมชนแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.2568 ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ถูกต้อง มีสัญญาเช่าที่ดำเนินการเป็นคู่สัญญากับการรถไฟฯ เจ้าของพื้นที่ รวมทั้งจะมีสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) เข้ามาช่วยพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เป็นระบบมากขึ้น โดยประชาชนจะเข้าถึงที่อยู่อาศัยในสัญญาเช่าที่มีราคาเป็นธรรม

ส่วนประชาชนในย่าน กม.11 รวมจำนวน 83 ครัวเรือน ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทย กระทรวงฯ ได้เจรจาให้สิทธิในการย้ายที่อยู่อาศัยไปยังชุมชนโชติวัฒน์ ถนนเลียบทางรถไฟสายตลิ่งชันในย่านบางซื่อใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ไม่กี่กิโลเมตร โดย พอช.จะเข้ามาช่วยในการพัฒนาที่อยู่อาศัยจากงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรในโครงการบ้านมั่นคง และประชาชนจะได้สิทธิเช่าที่อยู่อาศัยในราคาที่เป็นธรรม และ พอช.จะดำเนินการจัดเก็บค่าเช่าดังกล่าวมอบคืนให้กับ อทส.