ราคาทองคำร่วงตามตลาดหุ้น หลังกระแส AI จีนเขย่าตลาดโลก

 รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดทองคำโลกในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่า ราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) ลดลง 1.3% อยู่ที่ 2,736.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ 13.49 น.ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (18.49 GMT) หลังจากราคาทองพุ่งขึ้นใกล้ระดับสถิติสูงสุดในวันศุกร์ ส่วนราคาทองคำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ลดลง 1.5% อยู่ที่ 2,738.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

การร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้สินทรัพย์ประเภทอื่นเกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง โดยผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม

“การเทขายทองครั้งนี้เกิดจากตลาดหุ้นโดยรวมมากกว่า อัตราดอกเบี้ยหรือค่าเงิน เรากำลังเห็นปัญหาสภาพคล่องตึงตัวเล็กน้อย” บาร์ต เมเล็ก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของโบรกเกอร์ TD Securities กล่าว

“บางคนอาจจำเป็นต้องการหาสภาพคล่องในตลาด และบางทีหุ้นบางตัวที่พวกเขาใช้เป็นหลักประกันหรือมีมาร์จิ้น ราคาลดลงอย่างมาก ดังนั้นผมคิดว่านี่เป็นปัญหาสภาพคล่อง และทองคำกำลังถูกขายออกไปพร้อมกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ”

การเทขายเกิดขึ้นก่อนการประชุมนโยบายครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งตลาดคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในวันพุธนี้ ตามข้อมูลของเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะให้ความสนใจกับสัญญาณที่เกี่ยวกับการตัดสินใจด้านนโยบายในอนาคต เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เริ่มดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง โดยนโยบายภาษีศุลกากรของเขามีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อสูง

“ทองคำยังคงน่าลงทุน ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจะยังคงหนุนส่งตลาด... ในที่สุดแล้ว เราจะทะลุระดับราคาสูงสุดตลอดกาลใหม่ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลทรัมป์” ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักกลยุทธ์โลหะอาวุโสที่ Zaner Metals กล่าว

ด้านราคาโลหะเงินในตลาดลดลง 1.7% อยู่ที่ 30.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาแพลเลเดียมร่วงลง 2.9% อยู่ที่ 959 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแพลตตินัมลดลง 0.3% อยู่ที่ 945.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์