วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันศุกร์ที่ผ่านดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Up ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุม WEF เรียกร้องให้เฟดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที

มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และแรงซื้อเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มไอซีที และโรงกลั่น ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ และผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,354.07 จุด +9.90 จุด +0.74% มูลค่าการซื้อขาย 30,792.25 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +13.44 จุด +1.00%) Program Trading +266.58 ลบ. ต่างชาติ +1,270.02 ลบ. TFEX +24,110 สัญญา ตราสารหนี้ +1,157.48 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ +0.05% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังปรับตัวขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศแผนเพิ่มการผลิตภายในประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดำเนินการเพื่อปรับลด ราคาน้ำมันดิบลง
+ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งถือเป็นการแสดงท่าทีประนีประนอมล่าสุดต่อจีน แม้ว่ายังคงขู่ดำเนินมาตรการภาษีศุลกากรเป็นวงกว้างก็ตาม
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุน ให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.นี้
+ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่าจากการที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือนธันวาคม 2024 อยู่ที่ 24,765.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.7%YoY เร่งขึ้นจาก 8.2% ในเดือนก่อนหน้า สูงกว่าคาดการณ์ (SCB EIC ประเมินไว้ 7.1% ขณะที่ Reuter Poll มีค่ากลางของ การคาดการณ์ที่ 8.1%)

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 140.82 จุด หรือ -0.32% นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ขณะที่พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการที่ไร้ทิศทาง และเตรียมพร้อมรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากและการประชุมของเฟด

 

- สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นปรับตัวลงสู่ระดับ 52.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนธ.ค. สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
- ผลสำรวจของ S&P Global แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนม.ค.เนื่องจากราคาสินค้าสูงขึ้น
- กองทัพเกาหลีใต้ตั้งข้อสงสัยว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียม ส่งทหารไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อร่วมสู้รบกับกองกำลังยูเครน แม้ว่าจะมีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและถูกจับตัวไปแล้วก็ตาม

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังจับตาการประชุมของเฟดในวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ มองกรอบดัชนี 1,350-1,360 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

TNP "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5 บาท มีอัพไซต์ 62%
"มุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไร 4Q67
และช่วง 1H68 คาดคงเติบโตต่อเนื่อง"

•คาดกำไร 4Q67 คงเติบโตทั้ง YoY และ QoQ แม้ไตรมาสก่อนฐานสูง โดย 3Q67 มีกำไร 47 ลบ. +41%YoY +12%QoQ ได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือทำให้มีการเร่งกักตุนสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าว และส่งผลให้ SSSG ในช่วง 4Q67 เป็นลบเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการคงเติบโตจาก 3 ปัจจัย คือ 1) เข้าสู่ High Season 2) ได้อานิสงส์ จากมาตรการแจกเงินหมื่นบาทที่กลุ่มผู้มีสิทธิ์เพิ่งได้รับเมื่อปลาย 3Q67 รวมทั้งรอบเก็บตกในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. และ 3) ขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาสู่ 49 สาขา ณ สิ้นปี 67 โดยเราประมาณการกำไรทั้งปี 67 ราว 181 ลบ. +13%YoY (9M67 คิดเป็น 75% ของประมาณการ)

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไร 4Q67 และช่วง 1H68 คาดคงเติบโตต่อเนื่อง โดยหลักได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง Easy E-receipt และมาตรการเงินหมื่นบาทเฟส 2 (รอบผู้สูงอายุ ได้รับเงินวันที่ 27 ม.ค. 68) และเฟส 3 (รอบบุคคลทั่วไปได้รับเงินช่วงเม.ย. - มิ.ย. 68 ) รวมทั้งแผนขยายสาขาอีก 5 แห่ง ช่วยหนุนผลประกอบการปี 68 เติบโตราว 8-10% นอกจากนี้ ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PE เพียง 13.6x (-2SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี) จ่ายปันผลในอัตรา 3% ต่อปี และ ราคาเหมาะสม 5 บาท มีอัพไซต์ 62% แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) DMT (Bloomberg Consensus 13.10 บาท) ปลื้มทราฟฟิกเฉลี่ยทั้งปี 2567 กลับมาโตบนสถิติปกติ ก่อนสถานการณ์โควิด-19 เฉลี่ยในกรอบ 3-5% ต่อปีได้ มั่นใจหนุนรายได้รวมทั้งปี 2568 เติบโตต่อ โชว์สถานการณ์เงินแข็งแกร่ง ลุยลงทุนแตกไลน์ธุรกิจ มุ่งสร้างการเติบโตใหม่ ย้ำชัดพร้อมร่วมชิงงานภาครัฐ ต่อยอด-เสริมศักยภาพธุรกิจหลักให้เติบโตมั่นคง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AOT (Bloomberg Consensus 69.00 บาท) พร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงตรุษจีน ล่าสุดจับมือกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เตรียมความพร้อมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขณะที่ประมาณการผู้โดยสารประมาณ 4.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.4%(ที่มา ทันหุ้น)

(+) BH (Bloomberg Consensus 260.00 บาท) เดินหน้าอัพฐานคนไข้ทั้งใน-และต่างประเทศ มั่นใจรายได้รวมปี 2567 เติบโตดับเบิลดิจิต พร้อมทั้งลุยขยายพื้นที่ภายในโรงพยาบาล ควบคู่สร้างโรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต ยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์ นวัตกรรมรักษาที่ทันสมัย ควบคู่พัฒนาศักยภาพบุคลากร หนุนอัตรากำไรขั้นต้น เร่งตัวต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AGE (Bloomberg Consensus - บาท) ปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง ลั่นพร้อมกลับมาโตแกร่งทุกธุรกิจ รายได้หลักถ่านหินตั้งเป้ายอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์จ่อเจรจาหาพันธมิตรรับงานนอกกลุ่มเพิ่ม ปูทางเข้าตลาดหุ้นปีหน้า ขณะที่ ABM ที่ถือหุ้น 50% เชื่อพ้นภาวะขาดทุน ด้านธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีกำไร มียอดขาย 100 ล้านบาทต่อเดือน วางเป้า 3 ปี รายได้เท่าธุรกิจถ่านหิน (ที่มา ทันหุ้น)