ครม.สัญจรพะเยาไฟเขียวโครงการโคล้านตัว ปล่อยกู้ 5 พันล้าน กู้ซื้อแม่วัว

วันที่ 19 มีนาคม 2567  ที่หอประชุมพญางำเมือง มหาวิทยาลัยพะเยา ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.พะเยา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบ อนุมัติงบประมาณสำหรับโครงการ ‘วัวแสนล้าน‘ วงเงิน 5,000 ล้านบาท แต่ยังมีเงื่อนไขในเรื่องของดอกเบี้ยเงินกู้ใช้จ่ายในโครงการ  

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีหลายคนมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า โครงการโคแสนล้าน เป็นโครงการที่ดี โดยจะมีการนำเงินไปให้ชาวบ้านซื้อวัวเอง หรือซื้อวัวไปส่งให้ชาวบ้านเลือกสรร  สามารถซื้อแม่วัวได้ 2 ตัว แต่ถ้าหากราคาไม่สูงก็อาจจะซื้อถึง 3 ตัวได้   

รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า โครงการนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีคนเห็นด้วยน้อยมาก แต่ได้ทำการทดลองโครงการนี้มาแล้ว 4 ปี โดยร่วมมือกับภาคเอกชน นำวัว 2 ตัวไปเลี้ยง ปรากฎว่า 4 ปีผ่านมา วัวออกลูกออกหลานเป็น 11 ตัว ได้วัวหนึ่งตัวราคา 25,000 บาท หากเลี้ยงเป็นจำนวนมากในระดับแสนครัวเรือน ประชาชนจะมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในกองทุนหมู่บ้านมีสมาชิก 13 ล้านครัวเรือน หากใครพร้อมก็สามารถเลี้ยงวัวเป็นทางเลือกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีอนาคตได้ 

“เลี้ยงวัวกันทั่วประเทศ เลี้ยงแบบตัวใครตัวมันก็จะเกิดกำลังซื้อ และการเลี้ยงวัวยังใช้เวลาไม่นาน ให้อาหารตอนเช้า 20 นาที ตอนบ่าย 20 นาที รวมถึงต้นทุนในการทำคอกก็ไม่สูง” 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติโครงการโคแสนล้าน วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ที่มีประวัติดี กู้รายละ 50,000 บาท สำหรับซื้อแม่โค 2-3 ตัว โดยให้เกษตรกรเป็นผู้นำเงินไปซื้อโคด้วยตัวเอง และให้ทยอยชำระคืนหนี้เงินกู้ในปีที่ 3 เมื่อขายลูกวัว หรือโคขุนได้แล้ว 

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ หารือว่าจะเป็นอัตราเท่าไร ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายค่าชดเชยดอกเบี้ยให้ 

“โครงการนี้มีการพูดกันว่าทำแล้วล้มเหลว ขาดทุน แต่มี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร นายอนุชา นาคาศัย ได้ทดลองเลี้ยงแล้ว 1,000 ตัว แสดงให้เห็นว่า โครงการนี้ดีมาก สำเร็จ 100 %”

นายกฯไม่เอาดอกเบี้ย 5.46% 

แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.สัญจรจ.พะเยาเปิดเผยว่าวาระการหารือเรื่องโครงการโคแสนล้านมีการหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ ธกส.เสนอในการปล่อยกู้ให้โครงการ 5 พันล้าน โดย ธกส.เสนออัตราดอกเบี้ย 5.46% แต่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยนั้นสูงเกินไปควรจะลดลงมาได้จึงให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยของโครงการนี้และให้ปรับตัวลดลงให้ได้มากที่สุด