'สรท.' ชี้เศรษฐกิจจีนฟื้น ยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์ พระเอกส่งออกปี 67

'สรท.' ชี้เศรษฐกิจจีนฟื้น ยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์ พระเอกส่งออกปี 67

สรท.เผยส่งออกม.ค. ขยายตัว 10%yoy คาดส่งออกปี 67 ขยายตัวได้ 1-2% จับตาเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว มองสินค้าส่งออกพึ่งพิง 2 อุตฯหลัก ยานยนต์และชิ้นส่วน และอิเล็กทรอนิกส์ หลังทุนย้ายฐานผลิตมาไทย ระบุปัจจัยเสี่ยงเฝ้าระวังภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนผลิต และดอกเบี้ย

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกไทยเดือนม.ค. 2567 มีมูลค่า 22,649.9  ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 10.0% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 784,580 ล้านบาท ขยายตัว 10.2% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนม.ค.ขยายตัว 9.2%)

ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 25,407.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 890,687 ล้านบาท ขยายตัว 2.8% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนม.ค. 2567 ขาดดุลเท่ากับ 2,757.9 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 106,107 ล้านบาท

สรท. คาดการณ์ภาพรวมส่งออกไทยทั้งปี 2567 จะเติบโตที่ 1-2% ด้วยปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวซึ่งจะเป็น game changer เนื่องจากจีนถือเป็นคู่ค้าหลักของไทยซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกถึง 12% ในสินค้า อาทิ ยางพารา ผลไม้ พลาสติก และมันสำปะหลัง  

รวมทั้งการส่งออก 2 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนประกอบ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หจากอานิสงค์ของการแบ่งขั้ว (Decoupling) ทำให้ผู้ผลิตหลายรายย้ายฐานผลิตเข้ามาไทย 

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเฝ้าระวังที่สำคัญ ได้แก่ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์วิกฤตในทะเลแดง (Red Sea) บริเวณช่องแคบบับ อัล-มันเดบ (Bab el-Mandeb Strait) มีสัญญาณการเจรจาหยุดยิงในช่วงรอมฎอน 45 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 

นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องต้นทุนภาคการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง อาทิ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบที่ 2 ตามเป้าหมายของรัฐบาล  ค่าไฟฟ้าและค่าระวางเรือยังทรงตัวในระดับสูงทั้งเส้นทางยุโรป ตะวันออกกลาง สหรัฐ  

ขณะที่อุปทานในประเทศยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันภาคการผลิตบางอุตสาหกรรมไม่เกิดการประหยัดต่อขนาด และแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกได้ยาก 

รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐยังคงทรงตัวระดับสูง ซึ่งจะส่งผลทิศทางค่าเงินบาททรงตัวและอ่อนค่าไปอีกสักระยะ ทั้งนี้คาดว่าะนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มพิจารณาปรับลดในเดือนพ.ค. 
นายชัยชาญ กล่าวต่อว่า สรท.คาดหวังว่ากระทรวงการคลังและแบงก์ชาติจะมีการพูดคุยกันเพื่อมีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 เม.ย. นี้ ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีทิศทางอย่างไร

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญประกอบด้วย 1.การเร่งยกระดับ Smart & Green port ของท่าเรือหลักของประเทศ โดยเสนอให้ท่าเรือแหลมฉบังอยู่ในพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรองรับโครงการพัฒนาพื้นที่แหลมฉบัง Phase 3 และรองรับการขยายสิทธิประโยชน์นักลงทุนของ EEC ในพื้นที่ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม

2. เร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี โดยเฉพาะการเร่งปรับปรุงสภาพโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมในท่าเรือแหลมฉบังและพื้นที่โดยรอบ เพื่อแก้ปัญหาการปนเปื้อนของละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นและดิน และแมลง ที่ติดไปกับรถยนต์เพื่อการส่งออก ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะทวีความรุนแรงในช่วงฤดูร้อน 

3.เตรียมความพร้อมพื้นที่วางกองตู้สินค้าในท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเตรียมพื้นที่วางกองตู้สำหรับการส่งออกก่อนช่วงสงกรานต์ และพิจารณาการหมุนเวียนตู้คอนเทนเนอร์เปล่าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 

4. เร่งจัดตั้งหน่วยงานกลาง (Focal point) ของไทยสำหรับรองรับระเบียบ EUDR (EU Deforestation Regulation) กฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป ในการขับเคลื่อน ยกระดับการส่งออกสินค้า 7 รายการ ที่กำหนดไว้ อาทิ ยางพารา โกโก้ กาแฟ น้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง โค และไม้