ราคาหมูร่วงยาว จี้รัฐช่วยเหลือผู้เลี้ยงด่วน หลังขาดทุนกว่า 6 เดือน

ราคาหมูร่วงยาว จี้รัฐช่วยเหลือผู้เลี้ยงด่วน หลังขาดทุนกว่า 6 เดือน

เกษตรกร โอดราคาหมูตกต่ำ ขาดทุนต่อเนื่อง 6 เดือนแล้ว ต้นทุนการผลิตสูง วอนรัฐหาทางแก้ หวังช่วยต่อลมหายใจเกษตรกรก่อนถอดใจเลิกเลี้ยง

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้เลี้ยงสุกรได้รับความเดือนร้อนอย่างหนักจากราคาหมูหน้าฟาร์มตกต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งราคาเฉลี่ยของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติของเดือนมิ.ย. 2566ประกาศไว้ที่ 90.57บาทต่อกิโลกรัม แต่เกษตรกรขายได้จริงไม่ถึง60บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยและรายเล็กได้รับผลกระทบสูง ซึ่งหลายรายทั้งพื้นที่ภาคอีสานและภาคอื่นๆต้องเลิกเลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยงจากขาดทุนสะสม

ปัจจัยที่กระทบหนักที่สุดตอนนี้ คือ วัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตั้งแต่ต้นปี2565ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันทำให้ราคาสูงขึ้นกว่า30%และล่าสุดรัสเซียประกาศไม่รับรองความปลอดภัยเรือขนส่งสินค้าที่ไปยังท่าเรือยูเครน เริ่มมีผลให้ราคาธัญพืชและวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักโดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลีเพิ่มขึ้นแล้ว 5-10%กระทบต่อต้นทุนการผลิตโดยตรง ประกอบกับปีที่ผ่านมา เกษตรกรมีการลงทุนปัจจัยการผลิตในการปรับปรุงฟาร์มเพื่อป้องกันโรคระบาดASFและสร้างความมั่นใจในการเลี้ยงระยะยาวทำให้มีต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น เพื่อให้ผลผลิตปลอดโรคและปลอดภัยกับผู้บริโภคในระยะยาว

 

“ผู้เลี้ยงพยายามทุกวิถีทางในการเพิ่มผลผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศต้องลงทุนเพิ่มด้านปัจจัยการป้องกันโรคตามหลักวิชาการเพื่อความปลอดภัยของอาหาร และทยอยนำหมูเข้าเลี้ยง หลังมั่นใจว่าโรคระบาดASFคลี่คลาย เมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดกลับต้องเจอปัญหาขาดทุนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และหนักมากในช่วง3-4เดือนที่ผ่านมา เกษตรกรในหลายพื้นที่ต้องเลิกเลี้ยง” นายสิทธิพันธ์ กล่าว

ราคาหมูร่วงยาว จี้รัฐช่วยเหลือผู้เลี้ยงด่วน หลังขาดทุนกว่า 6 เดือน

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มวันที่25กรกฎาคม2566ราคาเฉลี่ยที่62-74บาทต่อกิโลกรัม (ขึ้นกับพื้นที่การผลิต) ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่90.57บาทต่อกิโลกรัม โดยก่อนหน้านี้สมาคมฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือผู้เลี้ยง โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาสูง และมีข้อกำหนดมาด้านภาษีนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง2%และเงื่อนไขกำหนดอัตราส่วนนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์:ข้าวสาลี ในอัตรา3 : 1ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญและเป็นต้นทุนแฝงของอาหารสัตว์ ทั้งที่วัตถุดิบทั้ง2ชนิด ประเทศไทยผลิตได้ไม่พอต่อความต้องการ

 

นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มของไทยจากที่เคยมีราคาสูงสุดในภูมิภาคอาเซียนเมื่อปี2565แต่ปีนี้ราคากลับตาลปัตรมาเป็นต่ำสุดแล้วในปัจจุบัน เทียบราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัม (ณ วันที่17กรกฎาคม2566)ของเวียดนามที่88-90บาท กัมพูชา80บาท ลาว88บาท พม่า110บาท มาเลเซีย126บาท ฟิลิปปินส์104บาท ผลผลิตขายเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านที่ราคา100บาทต่อกิโลกรัม ยังพอมีกำไรเล็กน้อยให้ผู้เลี้ยงหมูไทยได้ต่อทุนเลี้ยงรอบใหม่ เมื่อผลผลิตรอบใหม่ออกสู่ตลาดจำนวนมากประจวบกับ “หมูเถื่อน” ยังคงมีกระจายทั่วประเทศช่วงครึ่งปีแรก2566ทำให้ราคาหมูลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จึงอยากให้รัฐบาลผลักดันการส่งออกหมูเพิ่มขึ้นเพื่อลดซัพพลายในประเทศ และปราบปรามหมูเถื่อนให้สิ้นซาก

 

“หากรัฐบาลปล่อยให้ราคาหมูในประเทศตกต่ำต่อไปแบบไม่มีอนาคตเช่นนี้ ผู้เลี้ยงหมูไทยคงต้องทยอยเลิกอาชีพไปเพราะทนรับภาระขาดทุนสะสมไม่ไหว เมื่อถึงเวลานั้นจะกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของคนไทยและประเทศไทยแน่นอน”