เปิดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองช่วงเปิดเทอมปี 66

เปิดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองช่วงเปิดเทอมปี 66

ม.หอการค้าไทย เผย เปิดเทอมปี 66 ผู้ปกครองต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเล่าเรียนบุตร เกือบ 2 หมื่นบาท โอดชุดนักเรียนแพงขึ้น รับยอมจ่ายเรียนพิเศษเพิ่มเพื่อลูกหลานสอบเข้าเรียนได้ ด้านกรมการค้าภายในจัด“พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Back To School” ลดราคาสินค้ารับเปิดเทอม

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย   ได้สำรวจความเห็น “ประเมินผลกระทบของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม”จากกลุ่มตัวอย่าง 1,230 ตัวอย่างทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มีบุตร 1- 2 คน พบว่า ปีนี้ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของค่าบำรุงการศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียน แบบเรียนและชุดนักเรียน เฉลี่ย 19,507.33 บาทต่อคน เพิ่มขึ้น 6.6% จากปี 62 ที่อยู่ 18,299.94 บาทต่อคน

โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเล่าเรียน ประกอบด้วย ค่าเทอม 9,502 บาท ค่าบำรุงโรงเรียน 2,390 บาท  ค่าแป๊ะเจี๊ยะ 6,000 บาท ค่าหนังสือ 2,026 บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน 1,545 บาท ค่าเครื่องแบบนักเรียน 1,921 บาท ค่ารองเท้า ถุงเท้า 937 บาท และค่าบริหารจัดการพิเศษ เช่น ค่าประกันชีวิต 1,568 บาท  ทั้งนี้ผู้ปกครองเห็นว่า  ราคาเครื่องแบบนักเรียนแพงขึ้น 46 % ส่งผลให้จำนวนการซื้อชุดนักเรียนหรือเครื่องแบบนักเรียนน้อยลง

สำหรับแหล่งที่มาของเงินที่ผู้ปกครองนำมาจ่ายในช่วงเปิดเทอม ผลสำรวจพบว่า  50.3 % นำมาจากเงินออม เป็นอันดับแรก รองลงมา เป็นเงินเดือน 46.8 %โบนัส รายได้พิเศษ และอื่น ๆตามลำดับ โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่ 63% จะบอกว่ามีเงินเพียงพอกับการใช้จ่ายช่วงเปิดเทอม

ขณะที่ 36.5% นั้นตอบว่าเงินไม่เพียงพอ ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนที่ต่ำสุดในรอบ 8 ปีนับตั้งแต่ปี 2559 โดยกลุ่มนี้จะใช้วิธีการเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดมากถึง 23 % รองลงมา คือจำนำทรัพย์สิน กู้เงินในระบบ และยืมญาติพี่น้องส่วนการกู้เงินนอกระบบมีเพียง 7% ซึ่งถือว่าไม่มาก

เปิดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองช่วงเปิดเทอมปี 66

 

 

ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายส่งผลในช่วงเปิดเทอมปีนี้มูลค่ากว่า 57,885 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.3 % โดยมูลค่าถือว่าที่สูงสุดในรอบ 14 ปีนับตั้งแต่ปี 2553  โดยผลสำรวจล่าสุดในปี 2562 มีมูลค่าใช้จ่าย 54,972 ล้านบาท  เนื่องจากในปี 2563-2565 ไม่ได้มีการทำการสำรวจเพราะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19 และเป็นการศึกษาที่ยังไม่กลับสู่ระบบปกติ ส่วนใหญ่เป็นการเรียนออนไลน์  

เมื่อถามผู้ปกครองถึงความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในช่วงเปิดเทอม 50.9% กังวลปานกลาง และ 42.3 % กังวลน้อย โดยเห็นว่า ได้รับวัคซีนแล้ว เคยติดโควิดแล้ว โรงเรียนมีมาตรการป้องกันที่ดี เป็นต้น

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังได้มีการสำรวจประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา อาทิ ความเห็นเกี่ยวกับความจำเป็นในการเรียนพิเศษหรือการติว ตั้งแต่ระดับ อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมต้น และมัธยมปลาย   ผลสำรวจพบว่า มากว่า 85 % ยอมจ่ายการเรียนพิเศษเพื่อให้ลูกหลานมีความรู้เพิ่มในการสอบเพื่อเข้าเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้ปกครองบางส่วนมองว่า หลักสูตรการเรียนปัจจุบันส่งผลให้บุตรหลานเกิดความเครียด

เปิดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองช่วงเปิดเทอมปี 66

ส่วนโครงการให้เงินกู้ของรัฐบาล (กยศ.) ในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา มีความสำคัญหรือไม่นั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่ 57.7 % เห็นว่ามีความสำคัญมาก รองลงมา  27 % เห็นความสำคัญปานกลาง  8 % เห็นว่าไม่สำคัญและ7.3 % เห็นความสำคัญน้อย  ทั้งนี้ผู้ปกครองเห็นว่าโครงการกยศ.ช่วยลดภาระผู้ปกครองได้ในระดับปานกลาง

สุดท้ายผลสำรวจได้สำรวจความเห็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องการให้รัฐช่วยเหลือด้านการศึกษาในปัจจุบัน คือ ช่วยเหลือควบคุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาทั้งค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าบำรุงต่างๆ ค่าเครื่องแบบนักเรียน พัฒนา เสริมสร้างบุคลากรด้านการศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้ว

ควรมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวด และควรปรับเงินเดือนครูให้มีความเหมาะสมกับภาระหน้าที่ โดยเฉพาะกับเด็กปฐมวัย ควรปรับแนวการเรียนการสอนของเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับการพัฒนาการตามอายุและ ควรมีการถอดบทเรียนทั้งด้านดี และต้านไม่ดีที่เกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทย เพื่อให้การศึกษาไทยสามารถพัฒนาเยาวชนให้มีศักยภาพในการพัฒนาประเทศ

ด้านกระทรวงพาณิชย์ เข้าใจถึงหัวอกผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม จึงได้จัดโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Back To School” โดยร่วมกับผู้ผลิตและผู้จำหน่าย  26 ราย ลดราคาชุดนักเรียน-อุปกรณ์การเรียน-เน็ต กว่า 6,000 รายการ ลดสูงสุด 85% เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้ปกครอง

โดยร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า  ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่โรงเรียนส่วนใหญ่จะเปิดเทอมในวันที่ 15 พ.ค. 66 คาดว่าจะมีผู้ปกครองส่วนหนึ่งออกไปรับชุดนักเรียนที่ได้สั่งปักชื่อเอาไว้และซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติมให้แก่บุตรหลานในส่วนที่ยังไม่ครบถ้วน

รวมทั้งซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ โดยผู้ปกครองจะสามารถเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นสำหรับนักเรียนในราคาประหยัดได้ที่ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว ในปีนี้ยังสามารถเลือกซื้อสินค้าลดราคาได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือแอพลิเคชั่นของแต่ละร้านค้าด้วย