ดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 194 จุด คลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย

ดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 194 จุด คลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(27ต.ค.)ปรับตัวขึ้น 194 จุด ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 194.17 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 32,033.28 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปรับตัวร่วงลง 0.6% ปิดที่ 3,807.30 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วง 1.6% ปิดที่10,792.68  จุด 

ดัชนีแนสแด็กบวก 0.02% หลังจากร่วงลงสู่แดนลบในช่วงแรก โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวลงของราคาหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ขณะที่ธุรกิจเมตาเวิร์สขาดทุนอย่างหนัก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีประจำไตรมาส 3 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.6% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3%

การเปิดเผยตัวเลขจีดีพีดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นบีอีอาร์) ถือเป็นหน่วยงานในการตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ

ตลาดยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดของบริษัทคอมแคสต์, แคทเธอร์ พิลลาร์ และแมคโดนัลด์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทอเมซอนและแอ๊ปเปิ้ลหลังจากปิดตลาดวันนี้

นอกจากนี้ การซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 223,000 ราย

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ